วันนี้ (14 มีนาคม) ที่ศูนย์ประสานงาน ส.ส. ฝั่งธนบุรี ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ 54 คน ได้ร่วมกันทยอยเดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกล พร้อมร่วมประชุมใหญ่วิสามัญ โดยมีวาระสำคัญคือการแก้ไขข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ซึ่งมีการแก้ไขนโยบายและอุดมการณ์ของพรรคให้สอดคล้องกับอุดมการณ์และแนวนโยบายของอดีตพรรคอนาคตใหม่ 12 นโยบายเดิม ที่จะมีการสานต่อผ่านพรรคก้าวไกล, การแก้ไขสัญลักษณ์ของพรรค เป็นสัญลักษณ์ลูกศรสองอันซ้อนกัน โดยลูกศรหมายถึง ความพร้อมที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้าสู่อนาคต สู่ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน เพื่ออนาคตของประชาชนชาวไทย และสีส้มที่เป็นแสงแห่งรุ่งอรุณ นอกจากนี้ยังมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่ด้วย
จากนั้น วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้แถลงต่อสื่อมวลชนถึงผลการประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการบริหาร 10 คน ได้แก่
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
- ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค
- ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
- ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตรตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
- ปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ
- สมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคใต้
- อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคกลาง
- เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออก
- อภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- สุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนปีกแรงงาน
วิโรจน์กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม พิธา ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังได้มีการเสนอชื่อตามข้อบังคับของพรรค เพื่อแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค 4 คน ประกอบไปด้วย 1. พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ 2. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ 3. ณัฐวุฒิ บัวประทุม และ 4. ศิริกัญญา ตันสกุล และการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งคณะโฆษกพรรค 4 คน ประกอบด้วย 1. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร 2. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ 3. สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และ 4.ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ขณะที่ ชัยธวัช ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้เสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งรองเลขาธิการพรรค 11 คน ประกอบไปด้วย 1. ญาณธิชา บัวเผื่อน 2. เอกภพ เพียรพิเศษ 3. วรรณวรี ตะล่อมสิน 4. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 5. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 6. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ 7. วรรณวิภา ไม้สน 8. จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ 9. คำพอง เทพาคำ 10. รังสิมันต์ โรม และ 11. ธีรเศรษฐ พัฒน์วราพงษ์
ต่อมาพิธาแสดงวิสัยทัศน์ต่อสื่อมวลชนและประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาสมัครสมาชิกตอนหนึ่งว่า เป็นเวลากว่า 23 วันแล้วที่พรรคอนาคตใหม่ถูกทำให้หายไปจากการเมืองไทย และ ส.ส. ต้องไร้สังกัดพรรคการเมือง แต่วันนี้เราได้ย้ายเข้าสู่บ้านใหม่อย่างเป็นทางการกับพรรคก้าวไกล ตนต้องขอบคุณกำลังใจจากทุกคนที่เป็นเชื้อไฟให้เราเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่ย่อท้อ พรรคก้าวไกลคือบทที่สองของอดีตพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลคือพรรคที่สืบทอดเจตนารมณ์ อุดมการณ์ และจิตวิญญาณมาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ จะยังเป็นความหวังให้กับคนที่สิ้นหวังในประเทศนี้ ยังขอเป็นปากเสียงให้กับคนตัวเล็กตัวน้อยในประเทศนี้ พาประเทศไทยกลับไปสู่ประชาธิปไตย เปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย ยุติระบอบรัฐประหาร สถาปนานิติรัฐที่ทุกคนเสมอหน้ากันต่อหน้ากฎหมาย เรายังยึดมั่นในนโยบายเดิม
พิธากล่าวว่า ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุด เต็มไปด้วยวิกฤตรอบด้านที่แสดงให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถนำพาประเทศไปต่อได้ และจะทำให้คนทั้งชาติลงเหว ตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตของประชาชนในประเทศไทยถูกกำหนดโดยอภิสิทธิชน กองทัพ ข้าราชการ และกลุ่มทุนผูกขาด เสียงของประชาชนไม่เคยดังพอที่รัฐบาลจะได้ยิน หรือได้ยินก็ทำหูทวนลม สภาพการบริหารงานของประเทศไทยคือสภาพรัฐบาลล้มเหลว ไม่ว่าจะวิกฤตโควิด-19 วิกฤตฝุ่นพิษ วิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่สุดในประวัติการณ์ วิกฤตการเมืองที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ คสช. ที่ใช้ ส.ว. 250 คนเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ บริหารประเทศไร้ประสิทธิภาพและขาดเอกภาพ เกิดองค์กรอิสระที่เลือกปฏิบัติและกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
“วิกฤติเหล่านี้คือเหตุผลว่าทำไมเรายังต้องเดินตามนโยบายของอดีตพรรคอนาคตใหม่ นั่นคือการแก้ไขปัญหาโครงสร้าง เราจะยังเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. เราจะยังเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ที่เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย เราจะยังเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน เพื่อยกระดับสิทธิและสวัสดิการให้กับแรงงาน เราจะยังเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ในการปลดล็อกธุรกิจน้ำเมากว่าแสนล้านบาทจากนายทุนไม่กี่ราย ให้ไปตกกับผู้ประกอบการรายย่อยอย่างแท้จริง และร่างกฎหมายอื่นๆ ที่จะปลดล็อกสังคมไทยออกจากวิกฤต และสุดท้ายเราจะยังเดินหน้าผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศมีอำนาจอย่างแท้จริง ให้สถาบันการเมืองจากการเลือกตั้งมีอำนาจเป็นปากเสียงให้กับประชาชน ยกเลิก ส.ว. แต่งตั้ง ยกเลิกยุทธศาสตร์ 20 ปี แก้ที่มาขององค์กรอิสระให้ยึดโยงกับประชาชน” พิธากล่าว
พิธากล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงในสภาผู้แทนราษฎรอาจจะช้าเกินไป และผู้มีอำนาจพยายามกัดกร่อนให้สภาอ่อนแอ จากสภาเสียงปริ่มน้ำกลายเป็นสภางูเห่า แต่ในความมืดมิดยังมีแสงสว่าง พวกเราเห็นการลุกขึ้นสู้ของเยาวชนในสถานศึกษามากกว่า 40 แห่ง นักเรียน นิสิต นักศึกษา ต่างออกมารณรงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการประเทศไทยที่มีอนาคตมากกว่านี้ แม้ต้องเผชิญหน้าจากการขัดขวาง กดดัน ข่มขู่จากผู้ใหญ่ของบ้านเมืองนี้ พวกเรากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย พวกเราเห็นประกายไฟแห่งความหวังถูกปลุกขึ้น เป็นประกายไฟที่จุดให้ ส.ส. พรรคก้าวไกลก้าวต่อไป ยืนหยัดในรัฐสภาเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม ทำให้ประเทศนี้ก้าวไปได้ไกลกว่านี้ พวกเราจะทำงานในสภาอย่างแข็งขันคู่ขนานไปกับความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน เพื่อนำพวกเราออกจากวิกฤตและนำประเทศกลับสู่วิถีทางประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุดอีกครั้ง
จากนั้นมีการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกล โดยมีประชาชนเป็นจำนวนมากเดินทางมาสมัครที่ศูนย์ประสานงานพรรค ขณะที่บนเวที ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ นำเสนอแอปพลิเคชันการสมัครสมาชิกออนไลน์
ฐณะวัฒน์ ณ รังษี หนึ่งในประชาชนที่เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกลในวันนี้ ระบุว่า วันนี้ตนเดินทางมาจากจังหวัดพิษณุโลกเพื่อมาสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะ แล้วจะเดินทางกลับทันที โดยตนเป็นคนที่ติดตามข้อมูลของพรรคมาตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่วันนั้น ตนได้สมัครสมาชิกออนไลน์ ร่วมกิจกรรมในพิษณุโลกมาตลอด ช่วยหาเสียงก็ทำมาแล้ว แม้วันนี้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบ ตนมีความเสียใจ แต่ก็เข้าใจในความเป็นไปของสังคมที่อยุติธรรม วันนี้ที่ตัดสินใจมาถึงที่ก็เพราะอยากมาสมัครสมาชิก สัมผัสบรรยากาศ เป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน โดยตนหวังว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ให้สามารถผลักดันไปสู่การปฏิบัติจริงและเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้
ด้าน ศดิศ ใจเที่ยง อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ลำดับที่ 62 ก็ได้เดินทางมาสมัครสมาชิกกับเพื่อน พร้อมจะนำใบสมัครกลับไปให้เพื่อนร่วมอาชีพที่สนามบินสมัครด้วย ระบุว่า เหตุผลง่ายๆ ที่ตนมาวันนี้ก็เหมือนกับทุกคน คือการได้เห็นความไม่เป็นธรรมในประเทศนี้ ต้องการเห็นความเป็นธรรมในสังคมไทย และต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบอย่างแท้จริง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า