ต้อนรับเช้าวันใหม่กับความเคลื่อนไหวสำคัญในโลกเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ประจำวันที่ 19 มกราคม ใน THE STANDARD WEALTH Morning Brief
เงินลงทุนในเอเชีย จ่อไหลกลับตลาดหุ้นสหรัฐฯ
หัวหน้าสายงานวิจัยตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นของ JP Morgan ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ออกมาเผยความเห็นว่า “นักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนได้ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น 18 สัปดาห์ติดต่อกัน”
แต่จากนี้ไปมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันที่กระแสเงินลงทุนจะไหลกลับไปที่สหรัฐฯ หลังจากที่ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และมองว่าตลาดหุ้นจีนจะเป็นตลาดแรกๆ ที่จะมีเม็ดเงินไหลกลับไปที่สหรัฐฯ เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดีมากในช่วงที่ผ่านมา
GDP ‘จีน’ ไตรมาส 4 โตดีเกินคาด
ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีนในไตรมาส 4 ปี 2020 เติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดย GDP ไตรมาส 4 ขยายตัวสูงถึง +6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควรที่ +6.2% และเป็นการขยายตัวดีขึ้นจากตัวเลขในไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ +4.9% (YoY) ส่งผลให้ตัวเลขการขยายตัวของ GDP ในปี 2020 สูงถึง +2.3% (YoY) ด้านตัวเลขค้าปลีกในไตรมาส 4 ขายตัวได้ +4.6% (YoY) แต่ตัวเลขทั้งปีหดตัวลง -3.9% (YoY)
‘หุ้นจีน’ ปิดตลาดพุ่งกว่า 1.1% ขานรับเศรษฐกิจโตเกินคาด
ตลาดหุ้นจีน CSI 300 เพิ่มขึ้น 60.44 จุด หรือ 1.11% ดัชนีรวมหุ้นขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นจีนมีการฟื้นตัวที่ดีหลังจากที่ปรับตัวลดลง 3 วันติดต่อกัน ดัชนีปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาดตามตลาดหุ้นชั้นนำในภูมิภาค แต่ดัชนีอยู่ในแดนลบเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดช่วงการซื้อขายที่เหลือ
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจาก (1) การประกาศ GDP ไตรมาส 4 ที่ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ นอกจากเศรษฐกิจจะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดแล้ว ตัวเลขขนาดเศรษฐกิจของจีนได้ทะลุ 100 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรกที่ 101.59 ล้านล้านหยวน (2) หุ้นในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจากความต้องการของตลาดโลกที่แข็งแกร่ง แต่หุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและเฮลท์แคร์ปรับตัวลดลง (3) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 252 ล้านดอลลาร์
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ (1) ประกาศตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ China Industrial Production ประจำเดือนธันวาคม ขยายตัวได้ 7.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 6.9%
(2) ประกาศตัวเลขค้าปลีกประจำเดือนธันวาคม ขยายตัวได้ 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) น้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 5.5%
(3) Tesla ได้เปิดศูนย์บริการในมณฑลไหหลำ มณฑลที่เป็นเกาะทางตอนใต้ของจีน โดยจะมีบริการที่ครอบคลุมหลายอย่าง เช่น การให้คำแนะนำ การขนส่ง และบริการหลังการขาย นอกจากนี้ ทางบริษัทจะสร้างสถานีสำหรับชาร์จในทุกๆ เมืองและเขตบนเกาะ ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
หุ้นเกาหลีใต้ร่วงหนักต่อเนื่อง จากแรงขายกลุ่มเทค-เฮลท์แคร์
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI ลดลง 71.97 จุด หรือ 2.33% โดยลดลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่สองติดต่อกันมาปิดที่ 3,014 จุด ยังสามารถปิดที่ระดับเหนือ 3,000 จุดได้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง มาจาก (1) หุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดัชนีอย่าง Samsung Electronics ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง รวมถึงหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ เทคโนโลยี เฮลท์แคร์ น้ำมัน และสถาบันการเงิน ส่วนกลุ่มยานยนต์สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ (2) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 200 ล้านดอลลาร์ สำหรับปัจจัยบวกจากการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของจีนที่ดีกว่าที่คาด ไม่ได้ช่วยส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ จากการสำรวจบริษัทด้านการผลิตจำนวน 1,009 บริษัท โดยสถาบัน Korea Institute for Industrial Economics and Trade (KIET) พบว่า บริษัทส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกในปี 2021 โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่น เซมิคอนดักเตอร์ และไบโอเทคโนโลยี ถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดจะรุนแรงขึ้นในช่วงนี้ก็ตาม
‘ราคาทองคำ’ เริ่มรีบาวด์ หลังปรับลดลงรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นมาที่ 1,837 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.49% ราคาเคลื่อนไหวผันผวนในช่วงเช้าตามเวลาในประเทศไทย โดยปรับตัวลดลงไปที่ระดับ 1,810 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการฟื้นตัวขึ้น ดัชนี US Dollar Index ทรงตัวที่ 90.77 จุด แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง