ต้อนรับเช้าวันใหม่กับความเคลื่อนไหวสำคัญในโลกเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน ใน THE STANDARD WEALTH Morning Brief

Walmart กำลังจะออกจากตลาดญี่ปุ่น 

Walmart ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้ขายหุ้นในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญในบริษัทเชนซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้าดังของญี่ปุ่นอย่าง Seiyu ให้กับบริษัทด้านการลงทุน KKR ของสหรัฐฯ และบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซของญี่ปุ่นอย่าง Rakuten ออกมาเป็นเงินรวมกันกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยให้เหตุผลในเรื่องการแข่งขันที่สูงมากในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจทำกำไรได้ยาก การขายหุ้นของกิจการในญี่ปุ่นนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทหลังจากที่ได้ออกจากตลาดอังกฤษและอาร์เจนตินาในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดที่เป็นบริษัทท้องถิ่นได้ 

‘อังกฤษ’ ออกกฎป้องบริษัทเทคโนโลยีถูกเทกโอเวอร์

รัฐบาลอังกฤษได้ออกกฎที่จะช่วยป้องกันบริษัทเทคโนโลยีจากการถูกซื้อกิจการโดยบริษัทจากต่างชาติ แต่ประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่ตลาดมองว่าช้าไปหรือเปล่า เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีที่สำคัญๆ ของอังกฤษถูกซื้อกิจการไปหลายปีแล้ว เช่น ARM ที่ถูกซื้อไปโดย SoftBank ของญี่ปุ่นในปี 2016 และ DeepMind ที่ถูกซื้อไปโดย Google ในปี 2014 แต่ทางรัฐบาลมองว่าอังกฤษยังมีบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตสูงอีกเยอะ และบริษัทเหล่านี้จะต้องถูกปกป้อง โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ชิป และไบโอเทคโนโลยี

ตัวเลข ‘ค้าปลีก’ ของสหรัฐฯ โตช้าสุดรอบ 6 เดือน

ดัชนีหลักทั้ง 3 ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงทั้งหมดหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันได้ดีในตลาดวันจันทร์ เริ่มมีแรงขายทำกำไรเข้ามาในตลาดมากขึ้นหลังจากที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง การประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือนตุลาคมที่ขยายตัวน้อยกว่าที่ตลาดคาด และเป็นการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 6 เดือน เป็นปัจจัยหลักที่เข้ามาเร่งให้เกิดการขายทำกำไร 

ตัวเลขยอดค้าปลีกที่ขยายตัวช้าลงไปมากแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่เริ่มรุนแรงในเดือนตุลาคม มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเลขของเดือนพฤศจิกายนจะหดตัวลงอีกเนื่องจากการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น แต่ตลาดก็ยังถือว่าค่อนข้างแข็งแรง โดยเฉพาะดัชนี Dow Jones ที่ปรับตัวลดลงมากกว่า 300 จุดในช่วงเปิดตลาด แต่ก็สามารถฟื้นตัวมาปิดที่ระดับติดลบไม่มากนัก

Goldman Sachs คาดเศรษฐกิจจีนเติบโต 7.5% ในปี 2021

ตลาดหุ้นจีนยังคงถูกกดดันจากข่าวดีในเรื่องผลการทดลองวัคซีนระยะที่ 3 ของบริษัท Moderna ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่สูงถึง 94.5% เนื่องจากตลาดหุ้นจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาต่อเนื่อง แต่พอมีข่าวดีในเรื่องวัคซีน จึงส่งผลให้กระแสเงินลงทุนไหลออกไปที่ตลาดหุ้นของประเทศที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบด้านลบอย่างหนักจากการแพร่ระบาด 

ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ 1. Goldman Sachs คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ 7.5% ในปี 2021 ซึ่งน้อยกว่าที่ทาง CICC วาณิชธนกิจของจีนที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 9% 2. ธุรกิจด้านการจัดเลี้ยงมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบปี 3. หุ้นในกลุ่มท่าเรือและขนส่งทางเรือยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้โดดเด่นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากปัจจัยบวกในเรื่องข้อตกลง RCEP

Nissan จ่อทุ่มลงทุนใน ‘จีน’ เจาะตลาดกลุ่มบน

ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ Nissan Motors มีแผนที่จะลงทุนขนาดใหญ่ในตลาดระดับบนของจีน โดยทาง COO ของบริษัทได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันทางบริษัทพอใจกับการทำตลาดในสหรัฐฯ แต่ว่ามันยังไม่เพียงพอ โดยเป้าหมายต่อไปที่บริษัทจะเข้าไปทำตลาดและจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ด้วยคือตลาดระดับบนของจีนที่มีกำลังซื้อมหาศาล แต่ทางบริษัทก็ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ถึงเส้นเวลาว่าจะเริ่มเข้าไปทำตลาดเมื่อไรและวางแผนจะใช้เงินลงทุนมากขนาดไหน