วันนี้ (30 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวเรื่องการจัดสรรอุปกรณ์เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยวางแผนการจัดหา จัดสรร และจัดส่งหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากาก N95 และชุดป้องกันตนเอง PPE เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรการแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลทุกสังกัด โดยตั้งแต่วันที่ 7-28 มีนาคม ได้จัดส่งหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ให้แล้ว 19.59 ล้านชิ้น เป็นโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 10.35 ล้านชิ้น กรมอื่นๆ 5.6 แสนชิ้น โรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 7.7 แสนชิ้น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 2.48 ล้านชิ้น โรงพยาบาลเอกชน 4.28 ล้านชิ้น โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 1.15 ล้านชิ้น
นพ.สุขุมกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รับจัดสรรหน้ากากอนามัยเพิ่มเป็น 1.3 ล้านชิ้นต่อวัน ได้จัดส่งให้โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 6.5 แสนชิ้น กรมต่างๆ 1.5 แสนชิ้น โรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 1 แสนชิ้น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย 1.5 แสนชิ้น โรงพยาบาลเอกชน 1.5 แสนชิ้น และโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 1 แสนชิ้น โดยได้ปรับระบบจัดส่งโดยบริษัทไปรษณีย์ไทยส่งจากโรงงานไปยังโรงพยาบาลศูนย์ที่เป็นแม่ข่ายของเขตสุขภาพ เพื่อให้ถึงจังหวัดเร็วขึ้น
สำหรับหน้ากาก N95 ซึ่งทั่วโลกกำลังขาดแคลนจากความต้องการใช้สูง ตั้งแต่วันที่ 7-28 มีนาคม 2563 ได้ส่งให้โรงพยาบาลทุกสังกัดแล้ว 183,910 ชิ้น และคาดประมาณหากจำนวนผู้ป่วย 1 หมื่นราย ต้องใช้หน้ากาก N95 ประมาณ 1.7 หมื่นชิ้นต่อวัน ได้มีแผนการจัดหาเพิ่มอีกประมาณ 7 แสนชิ้น โดยนำเข้าของบริษัท 3M จากสหรัฐอเมริกา 2 แสนชิ้น บริษัท สยามโคเค็น จำกัด เดือนละ 1 แสนชิ้น นำเข้าจากประเทศจีนโดยองค์การเภสัชกรรมอีก 4 แสนชิ้น นอกจากนี้ได้จัดส่งอุปกรณ์ป้องกันและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ได้รับจากรัฐบาลจีนให้เขตสุขภาพ เป็นหน้ากากอนามัย 1 แสนชิ้น หน้ากาก N95 จำนวน 1 หมื่นชิ้น ชุด PPE 2,000 ชิ้น
นพ.สุขุมกล่าวอีกว่า บ่ายวันนี้ได้รับรายงานจาก นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาอะวีแกน ที่จัดซื้อจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 4 หมื่นเม็ดแล้ว และจะจัดสรรจัดส่งให้กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถีจำนวน 1.8 หมื่นเม็ด สำหรับกระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งให้กับเขตสุขภาพทั้ง 12 เขต สำหรับจัดสรรกระจายให้กับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในภูมิภาคจำนวน 1.8 หมื่นเม็ด เหลือไว้สำรองสำหรับจัดสรรในกรณีจำเป็นเร่งด่วนอีกจำนวน 4,000 เม็ด และคาดว่าภายในวันศุกร์ที่จะถึงนี้จะมีการจัดส่งยาดังกล่าวเข้าจากประเทศจีนเพิ่มอีกจำนวน 1 แสนเม็ด และภายในเดือนเมษายนจะได้รับจากญี่ปุ่นเพิ่มอีก 2 แสนเม็ด และทำการสั่งซื้อเพื่อสำรองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล