วันนี้ (14 มีนาคม) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการเข้าสู่ระบบการรักษาผู้ป่วยโควิดว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิดอยู่ในช่วงของการปรับเข้าสู่โรคประจำถิ่น หรือยุติการระบาดใหญ่ (Post Pandemic) ซึ่งต้องอาศัย 3 ปัจจัยร่วม ดังนี้
- ปัจจุบันตัวเชื้อมีความรุนแรงลดลง ผู้ป่วยหนักหรือเสียชีวิตมีสัดส่วนลดลง
- การฉีดวัคซีนจำนวนมากกว่า 125 ล้านเข็ม มีความครอบคลุมสูงมากขึ้น
- ระบบรักษาพยาบาลของประเทศไทยมีสมรรถนะและความพร้อมระดับดีมาก ตามแนวทางการประเมินขององค์การอนามัยโลก
โดยในการดูแลรักษาโควิด กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มระบบการดูแลแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัว หรือ ‘เจอ แจก จบ’ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าสู่ระบบการรักษา สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย โดยประชาชนที่มีผลตรวจ ATK ด้วยตนเองเป็นบวก สามารถเข้าไปรับบริการคลินิกโรคทางเดินหายใจของโรงพยาบาลที่มีสิทธิการรักษาอยู่
ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการจัดระบบบริการนี้เช่นกัน โดยจะได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประเมินอาการ และแจกยาตามระดับอาการ พร้อมทั้งให้ความรู้การปฏิบัติตนในการกลับไปกักตัวที่บ้าน และจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามอาการในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อประเมินว่ามีอาการรุนแรงขึ้นจำเป็นต้องเข้าระบบการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ ซึ่งจากการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่าได้ผลดี ช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวก ได้เข้าถึงบริการครอบคลุมมากขึ้น ส่วนระบบการรักษาที่บ้าน (HI) ยังคงดำเนินการตามปกติ
สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือไม่มีรถส่วนตัว สามารถโทรสายด่วน 1330 กด 14 หรือติดต่อผ่านไลน์ สปสช. @nhso หรือโทรสายด่วนของจังหวัด หรือสายด่วนโควิดของ 50 เขตของ กทม. ซึ่งการรักษาแบบผู้ป่วยนอกที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยลดปัญหาการรอสายหรือไม่ได้รับการติดต่อกลับของสายด่วน 1330 ทำให้ประชาชนเข้าสู่ระบบบริการได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น