วันนี้ (15 กรกฎาคม) ที่ศูนย์เยาวชนคลองเตยมีการจัดกิจกรรมฉายหนังกลางแปลงเรื่อง มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม #กรุงเทพกลางแปลง
ขณะที่ก่อนจะถึงเวลาฉายภาพยนตร์วันนี้ มีการจัดกิจกรรมชวนพูดคุยกับ เป็นเอก รัตนเรือง ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมกับนักแสดงนำ ต๊อก-ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ และ อุ้ม-สิริยากร พุกกะเวส ชวนพูดคุยโดย หมู-สุภาพ หริมเทพาธิป จาก Doc Club
ช่วงหนึ่งของการพูดคุย ได้มีการบอกเล่าถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ และต๊อก ศุภกรณ์ ได้พูดถึงการฝึกร้องเพลงเพื่อมาร้องจริงในภาพยนตร์ โดยใช้เวลาฝึก 2-3 เดือน ก่อนที่จะร้องเพลงประกอบภาพยนตร์แบบสดๆ ให้เด็กๆ ที่ศูนย์เยาวชนคลองเตยและประชาชนที่มาร่วมรับชมภาพยนตร์ได้ฟัง ซึ่งเรียกเสียงปรบมือได้อย่างเกรียวกราว
อุ้ม สิริยากร บอกภายหลังร่วมชมภาพยนตร์ว่า ตนเองไปอยู่ที่อเมริกา ไม่ได้กลับเมื่องไทยมา 7 ปี วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เจอสื่อ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและรู้สึกอบอุ่นใจ ซึ่งที่มาในวันนี้ตนอยากมาเจอทั้งต้อม เป็นเอก และต๊อก ศุภกรณ์ เพราะไม่ได้เจอกันมานานกว่า 20 ปีหลังจากภาพยนตร์ฉาย
ส่วนบรรยากาศในวันนี้มองว่าน่ารักมาก ชอบบรรยากาศแบบนี้ และตนเองไม่ได้มากรุงเทพฯ นานกว่า 7 ปี เมื่อได้กลับมาเห็นรู้สึกตกใจกับรถติด และมีอะไรเกิดขึ้นเยอะมาก
ที่มาในวันนี้ก็หวังที่จะได้เจอ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. อยากเจอมาก เมื่อรู้ว่าชัชชาติได้เป็นผู้ว่าฯ ก็รู้สึกมีความหวัง และขอเป็นกำลังใจให้ อยากเห็นความเจริญของกรุงเทพฯ เพราะตนเองรักกรุงเทพฯ มาก
ด้านต๊อก ศุภกรณ์ บอกว่า คิดถึงกันมาก ไม่ได้เจอกันมานานกว่า 2 ทศวรรษ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่พอได้กลับมาเจออุ้ม ตอนนี้เขาเหมือนนางแบบ แต่ตอนนั้นเขาเหมือนคุณครู ตนเองชอบไปแซวว่าเขาเป็นคุณครู ซึ่งวันนี้ถือว่าดีมากที่เราได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ มีเด็กวิ่งเล่น มีกิจกรรม มีการขายของ ไม่น่าเชื่อว่าบรรยากาศแบบนี้จะกลับมา เพราะหนังกลางแปลงมันหายไปแล้ว
สำหรับบรรยากาศการฉายภาพยนตร์วันนี้เป็นไปอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน มีการแสดงดนตรีจากเด็กๆ ในชุมชน และมีการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กได้ร่วมสนุกด้วย
มนต์รักทรานซิสเตอร์ เป็นภาพยนตร์ปี 2544 (No Sub) (ก่อน พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 2551 ไม่มีเรต) กำกับโดย เป็นเอก รัตนเรือง สร้างโดยไฟว์สตาร์โปรดักชั่น นำแสดงโดย ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ, สิริยากร พุกกะเวส และ สมชาย ศักดิกุล ความยาว 120 นาที
เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดีประจำปี 2545 ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ วัฒน์ วรรลยางกูร เล่าเรื่องราวของ ‘แผน’ หนุ่มบ้านนอกที่มีวิทยุทรานซิสเตอร์เป็นเพื่อนคู่ใจ และใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง วันหนึ่งเขาไปประกวดร้องเพลงจนได้รางวัล และตัดสินใจหนีเข้ากรุงไปฝึกเป็นนักร้องอย่างที่ใฝ่ฝัน ปล่อยให้ ‘สะเดา’ ภรรยาสาวที่บ้านนอก ต้องเดินทางเข้ากรุงเพื่อตามหาคนรัก