นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพบปะกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนทำเนียบขาวครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง โมดีเป็นผู้นำคนที่ 4 ที่ได้รับเชิญให้เข้าพบทรัมป์ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทำเนียบขาวให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับอินเดียในยุคใหม่ของการเมืองโลก
ระหว่างการประชุม ทรัมป์และโมดีได้ประกาศข้อตกลงสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องพลังงานและการค้า โดยอินเดียตกลงนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งเป็นความพยายามของทรัมป์ในการลดการขาดดุลการค้ากับอินเดียที่มีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มยอดขายอาวุธให้กับอินเดีย รวมถึงเครื่องบินรบ F-35 และอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหมของอินเดีย ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า ความร่วมมือทางการทหารระหว่างสองประเทศจะช่วย “รักษาสันติภาพและความมั่นคง” ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ขณะที่ประเด็นเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสองประเทศยังเป็นที่จับตามอง ทรัมป์เพิ่งออกมาตรการกำหนดภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออินเดีย โดยโมดีหวังว่าเขาจะสามารถใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับทรัมป์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากนโยบายนี้ และรักษาสิทธิพิเศษทางการค้าของอินเดีย
ทั้งนี้ โมดีและทรัมป์ยังได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเน้นไปที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความมั่นคงทางดิจิทัล โดยอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในด้านเทคโนโลยี และทรัมป์ต้องการให้อินเดียเป็นพันธมิตรหลักในความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะเป็นผู้นำในด้าน AI
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประเด็นทางเศรษฐกิจและความมั่นคง โมดียังเน้นย้ำจุดยืนของอินเดียในการสนับสนุนสันติภาพในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของโลก
ภาพ: Kevin Lamarque / Reuters
อ้างอิง:
