ผลสำรวจความเห็นของผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนจำนวน 540 คนที่มีต่อเศรษฐกิจจีนในปีนี้ของ MLIV Pulse พบว่า ผู้เข้าร่วมสำรวจส่วนใหญ่มีมุมมองว่า แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของจีนจะปรับตัวดีขึ้นในปัจจุบัน โดยทางการจีนได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมไปบ้างแล้ว แต่จะดำเนินนโยบาย Zero-COVID จะยังคงอยู่ไปตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงให้ซัพพลายเชนโลกเกิดสะดุดจนอาจซ้ำเติมสถานการณ์เงินเฟ้อในหลายประเทศที่กำลังเร่งตัว
การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคของจีน ซึ่งมีเปรียบเสมือนโรงงานใหญ่ของโลกในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนในหลากหลายอุตสาหกรรมตั้งแต่รองเท้าไปจนถึงรถยนต์และชิปคอมพิวเตอร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหากเกิดการล็อกดาวน์ขึ้นอีกในอนาคตคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก
เบน พาวเวลล์ นักกลยุทธ์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ BlackRock กล่าวว่า ความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายควบคุมโควิดของจีนและความเป็นไปได้ที่จะเกิดการล็อกดาวน์ขึ้นอีกในอนาคต กำลังสร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจโลกและอาจทำให้ปัญหาคอขวดในซัพพลายเชนต่างๆ เลวร้ายลงไปอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงภาวะเงินเฟ้อและการบริโภค
MLIV Pulse ระบุว่า มีเพียง 1 ใน 3 ของผู้เข้าร่วมสำรวจความเห็นในครั้งนี้ที่เชื่อว่า สีจิ้นผิงจะตัดสินใจยุติมาตรการ Zero-COVID ในเร็ววัน โดย 56% ของผู้เข้าร่วมสำรวจยังคาดว่า Shanghai Shenzhen CSI 300 Index จะปิดตัวด้วยผลขาดทุนในปีนี้
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมสำรวจยังมีมุมมองต่อเงินหยวนแตกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าเงินหยวนจะแข็งค่ากลับไปที่ระดับ 6.5 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าเงินหยวนจะอ่อนค่าไปสู่ระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ผู้เข้าร่วมสำรวจส่วนใหญ่ราว 72% ยังมีมุมมองเชิงบวกว่าทางการจีนจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในปีนี้จากการส่งสัญญาณของรองนายกรัฐมนตรี หลิวเหอ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าสหรัฐฯ จะมีการยกเลิกกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจจีนในภาพรวมได้เช่นกัน
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP