บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้จากการขายจำนวน 3,683 ล้านบาท ลดลง 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้อยู่ที่ 4,094 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 341 ล้านบาท ลดลง 48 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากสถานการณ์กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงจากค่าครองชีพและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และหากสังเกตจะเห็นว่าในปีนี้ MK กำลังตกที่นั่งลำบาก สะท้อนจากยอดขายที่ลดลงติดต่อกันหลายไตรมาส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
หากย้อนไปในไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,946 ล้านบาท ลดลง 3.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้จากการขาย 4,107 ล้านบาท ลดลง 7.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
แม้ภาพรวมค่าใช้จ่ายของต้นทุนวัตถุดิบ ขนส่ง ค่าจัดเก็บสินค้า ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริมการขายจะลดลง แต่ก็ไม่อาจชดเชยกับกำไรที่เสียไปได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตลาดชาบู-สุกี้ในไทยมีมูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท โดย MK ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดมีการแข่งขันสูงมาก มีผู้เล่นรายใหม่ๆ กระโดดเข้ามาในตลาด ชูจุดขายเมนูอาหารและราคาที่เข้าถึงง่าย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น
จนในที่สุด MK จากเดิมแล้วมีฐานราคาค่อนข้างสูงได้ปรับตัวและลงมาเล่นในตลาดบุฟเฟต์ ใครๆ ก็มองว่าความเคลื่อนไหวของ MK คือหนีตาย โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งเคยวิเคราะห์ไว้ว่า ตอนนี้ MK กำลังเผชิญปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะความอร่อยที่คุ้นเคยกลับมาเป็นความซ้ำซากจำเจ ทำให้ลูกค้าไม่อยากเดินเข้าร้าน สวนทางกับคู่แข่งที่พยายามสร้างสีสันและดึงดูดผู้บริโภคอย่างหนัก