“ปีศาจหน้าเหี่ยว ก้นใหญ่ อกเล็ก มีรอยตีนกา”
คือนิยามสั้นๆ ที่เจ้าหนูชินจังจอมแก่นพูดถึง โนะฮาร่า มิซาเอะ อยู่บ่อยๆ ก่อนจะลงท้ายด้วยการถูก ‘กำปั้นสว่าน’ เจาะหัว จากผู้หญิงผมฟูที่ทำให้หลายคนนึกถึง ‘แม่’ ของตัวเองขึ้นมา
นอกจากภาพลักษณ์ประจำตัวที่จู้จี้ขี้บ่น เจ้าอารมณ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากสามีตัวแสบ ฮิโรชิ และลูกชาย-ลูกสาวที่แสบยิ่งกว่า โนะฮาร่า มิซาเอะ คือหนึ่งในตัวการ์ตูนที่สะท้อนลักษณะของหญิงสาวที่ละทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อมาทำหน้าที่ ‘แม่’ และ ‘ภรรยา’ เพื่อดูแลทุกคนในบ้านให้ดีที่สุด
มิซาเอะคือคนแรกที่ต้องตื่นนอนก่อนใคร รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินมาเปิดผ้าม่านรับแสง ปลุกสามีและลูกชายคนโต จัดเตรียมโต๊ะอาหาร กลับไปปลุกชินจังที่งัวเงียไม่ยอมตื่น ลากเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า แปรงฟัน และออกมาเก็บที่นอน
สุดท้ายชินจังมักจะขึ้นรถโรงเรียนไม่ทัน มิซาเอะก็ต้องรีบเก็บของ เตรียมตัวผูกน้องสาวอย่างฮิมาวาริเอาไว้ด้านหลัง ปั่นจักรยานข้ามถนน ขึ้นภูเขา ไปส่งชินจังที่โรงเรียน หรือถ้าวันไหนชินจังขึ้นรถทัน แต่ลืมข้าวกล่องเอาไว้ที่บ้าน ก็มีแม่ที่แสนขี้บ่นคนนี้นี่ล่ะปั่นจักรยานเอาไปส่งให้ถึงที่
หลังจากนั้นก็กลับมาซักผ้า เก็บกวาด ถูบ้าน ดูแลลูกสาวคนเล็ก ออกไปจ่ายตลาด ทำงานบ้านทุกอย่าง คอยเตรียมอาหารเย็น เตรียมน้ำอุ่นให้ทุกคนได้อาบ วนเป็นกิจวัตร โดยที่สามีและลูกชายยังมีวันให้หยุดพัก แต่มิซาเอะต้องทำทุกอย่างซ้ำไปซ้ำมาในทุกๆ วันแบบไม่มีวันหยุด
ถึงแม้จะมีแอบไปงีบหลับจนเลยเวลาและแวะ ‘เมาท์’ กับเพื่อนบ้านนาน 2 ชั่วโมงอยู่บ้าง แต่ก็พูดได้ว่าเธอทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ขาดตกบกพร่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีที่สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่แค่สามีที่ต้องออกไปทำงานหนัก เพราะภรรยาที่คอยทำหน้าที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องทำงานหนักไม่แพ้กัน
นอกจากนี้มิซาเอะยังเป็นภรรยาและแม่ที่สังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของคนในครอบครัวอยู่ตลอดเวลา วันไหนที่เห็นฮิโรชิกลับมาด้วยท่าทีไม่สบายใจ เธอจะคอยรินเบียร์เย็นๆ ให้เสมอ คอยรับฟังปัญหาด้วยความเข้าใจ (แม้จะโมโหในความไม่เอาไหนของสามีบ้างเป็นบางครั้ง) ปลอบใจทุกคนเวลาร้องไห้ แต่เวลาที่เธอร้องไห้จะไม่ยอมให้ใครเห็น
ถ้าไม่ใช่เรื่องกินขนมช็อกโกบีมากเกินไปหรือคำขอทะลึ่งตึงตังเกินเด็ก จะเห็นว่ามิซาเอะเป็นแม่ที่คอยสนับสนุนชินจังในแทบทุกเรื่อง ทั้งวาดรูป ขี่จักรยาน แสดงละคร เล่นสนุกกับเพื่อนๆ ฯลฯ แม้ชินจังจะดื้อขนาดไหน แต่เธอก็เฝ้ามองการเติบโตอย่างอิสระตามใจฝันของลูกชายคนนี้อยู่เสมอ
ฉากที่มิซาเอะลงไปงมหาจักรยานที่ตกลงไปในคลองจนดึกดื่น ในขณะที่ชินจังกลับบ้านไปดูหน้ากากแอ็กชันอย่างสบายใจ ยังเป็นฉากที่ทำให้เราน้ำตารื้นทุกครั้งที่นึกถึงการ์ตูนเรื่องนี้
การดูแลสภาพความเป็นอยู่ทั้งร่างกายและจิตใจของทุกชีวิตในครอบครัวไม่เคยเป็นเรื่องง่าย และมันก็แสดงออกผ่านลักษณะและ ‘ร่องรอย’ บางอย่างที่มิซาเอะไม่อาจฝืน
ทั้งดวงตาลึกคล้ำจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเหี่ยวคล้อยตามส่วนต่างๆ รอยตีนกาที่ชินจังเอามาล้ออยู่เป็นประจำ เสื้อยืดและกางเกงที่ใส่ซ้ำๆ ฯลฯ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมักจะบอกคนอื่นว่าอายุ 24-25 ปี เพราะชีวิตของเธอถูกหยุดไว้เท่านั้น ในช่วงที่เธอสวยสะพรั่งและเฉิดฉายประกายของหญิงสาวได้มากที่สุด
จนกระทั่งหน้าที่ของภรรยาและแม่จะพรากช่วงเวลาอันแสนสดใส พร้อมกับความจริงที่ว่าเธอคือคุณแม่ลูกสองอายุ 29 ปีที่แทบไม่เคยมีเวลาว่างแม้แต่จะออกไปเที่ยวหรือทำในสิ่งที่เธอชอบ
ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือเราแทบไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วมิซาเอะเป็นคนอย่างไร เคยมีความฝันแบบไหน เธอต้องการอะไรมากที่สุด ราวกับตัวละครของมิซาเอะถูกกำหนดมาให้เป็น ‘แม่’ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เรื่องอื่นไม่มีความสำคัญอีกต่อไป
แม้กระทั่งเวลาอยากได้ของบางอย่าง เธอยังไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของ ‘ตัวเอง’ ซื้อหามาครอบครอง นอกจากแอบ ‘หัก’ เงินจากค่าอาหารประจำบ้าน เพื่อซื้อเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าราคาแพงเอาไว้ใส่ออกงานสังคมเพื่อไม่ให้สามีและลูกรู้สึกอายที่มีภรรยาและแม่ที่ไม่สวย
เธอทำงานหนักจนกระทั่งไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ต้องหันไปใช้บริการ ‘ยาลดความอ้วน’ อยู่หลายครั้ง รวมทั้งครีมอาบน้ำหรือของใช้แพงๆ ที่เธออยากได้ก็มักจะถูกลูกสุดที่รักทำพังก่อนได้ใช้อยู่เสมอ
แน่นอนว่าในการ์ตูน เราจะเห็นผู้เขียนอย่าง โยชิโตะ อูซูอิ นำเสนอภาพเหล่านี้ด้วยความขำขันอยู่เสมอ แต่ลึกๆ เราคิดว่านี่คือการใช้อารมณ์ขันฉาบเคลือบประเด็นทางสังคมที่หลายคนมักจะมองข้ามได้อย่างน่าสนใจ
โดยเฉพาะการใช้เสียงหัวเราะเพื่อให้คนอ่านนึกถึง ‘ใคร’ คนหนึ่ง
หญิงสาวผมฟู หน้ามัน ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่หยุด คอยดุเมื่อเราทำผิด ส่งสติกเกอร์และรูปภาพ ‘สวัสดีทุกวัน’ มาให้ในตอนเช้า คอยโทรมาว่ามีเงินพอใช้หรือเปล่า
หญิงสาวที่ทำให้เรานึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าขาดเธอไปสักคนแล้วชีวิตทุกวันนี้จะเป็นอย่างไร
เหมือนที่ฮิโรชิผู้เป็นสามีเคยพูดเอาไว้ว่า “ถ้าขาดมิซาเอะไปสักคน ชีวิตพวกเราก็คงจะทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์