เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เผยการดำเนินงานธุรกิจโรงแรม (66% ของรายได้) มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรป (64% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรม) และประเทศไทย (9% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรม) โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมในยุโรป (หลักๆ ดำเนินงานโดย NH Hotel Group: NHH) เพิ่มขึ้นสู่ 63% ในเดือนเมษายน 2022 โดยมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยที่แข็งแกร่งหรือสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 11%
และโมเมนตัมจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2022 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวในยุโรป ทั้งนี้ NHH ดำเนินงานด้วยอัตราการเข้าพักสูงกว่าจุดคุ้มทุนที่ SCBS ประเมินได้ที่ราว 55% สะท้อนถึงการทำกำไรได้ใน 2Q22 (พลิกจากขาดทุนใน 2Q21 และ 1Q22)
สำหรับประเทศไทย อัตราการเข้าพักในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น MoM ซึ่ง MINT คาดว่าโมเมนตัมจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน หลังจากประเทศไทยได้ยกเลิกโปรแกรมเดินทางเข้าประเทศ (Test & Go, Sandbox และ Alternative Quarantine) และการตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อเดินทางมาถึง
ด้านธุรกิจร้านอาหาร (31% ของรายได้) ยอดขายสาขาเดิม (SSS) เฉลี่ยเติบโตเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน เมื่อจำแนกตามสถานที่ SSS ของธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย (60% ของรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร) เพิ่มขึ้น 10.6% และประเทศออสเตรเลีย (10% ของรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร) ลดลง 3.5% ขณะที่ประเทศจีน (17% ของรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร) อ่อนแอลงที่ 36.9% โดยมีสาเหตุมาจากการล็อกดาวน์ ซึ่ง MINT คาดว่าการดำเนินงานในจีนจะดีขึ้นใน 2H22 เนื่องจากจีนเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโควิด
นอกจากนี้ ผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจในประเทศศรีลังกา SCBS คาดการณ์ถึงผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการดำเนินงานของ MINT เนื่องจากบริษัทมีโรงแรม 6 แห่งในประเทศศรีลังกา (2 แห่งเป็นของบริษัทเอง และ 4 แห่งเป็นโรงแรมร่วมทุน) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 0.5% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรมของ MINT
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น MINT ปรับลดลง 2.17%MoM อยู่ที่ระดับ 33.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 3.56%MoM อยู่ที่ระดับ 1,620.57 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2022:
SCBS คาดว่าผลประกอบการของ MINT จะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ กลับมามีกำไรใน 2Q22 เนื่องจากยุโรปกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว โดยอัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่งของ NHH ชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความต้องการเดินทางภายในยุโรปนับถึงปัจจุบัน
ส่วนผลประกอบการปี 2022 คาดจะปรับตัวดีขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง และจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในปี 2024
สำหรับปัจจัยเสี่ยงและความกังวล คือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การกลับมาระบาดของโควิดด้วยเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโรงแรมหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2022 คือ ต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น โดย MINT เปิดเผยว่าบริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ซึ่งจะสามารถสนับสนุนการดำเนินงานใน 2Q22 และบริษัทได้ลดผลกระทบด้วยการจัดเมนูใหม่ ปรับราคาเพิ่มขึ้น และปรับปรุงประสิทธิภาพแรงงาน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP