อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายในงาน The Year Ahead 2021 “Navigating the Path to Recovery” จัดโดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ทางการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง จากโควิด-19 ระลอกใหม่นี้แม้ว่าจะออกโครงการเราชนะ การลดค่าน้ำค่าไฟ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว แต่ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 อาจพิจารณามาตรการเยียวยาหรือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น
โดยวงเงินในเยียวยาประชาชนในปีก่อนรวมราว 3.9 แสนล้านบาท ขณะที่งบฟื้นฟูมีการอนุมัติราว 1.2 แสนล้านบาทเท่านั้น โดยวงเงินในการเยียวยาและฟื้นฟูยังคงมีอยู่หากคลังต้องใช้มาตรการเพิ่มเติม ซึ่งต้องติดตามว่าโควิด-19 รอบสองจะยืดเยื้อและกระจายขอบเขตเพียงใด
ทั้งนี้ ในเรื่องความยั่งยืนทางการคลัง มองว่าคลังยังมีช่องว่างในการใช้เงินได้อีก ทั้งจาก พ.ร.ก. เงินกู้ฯ ฉบับที่ 1 เพิ่มเติมได้ ขณะที่ระดับการก่อหนี้สาธารณะของประเทศที่มีเพดาน 60% ปัจจุบันยังอยู่ที่ 50% และหากมีความจำเป็นในการทำมาตรการเพิ่มเติม ก็มีช่องทางที่สามารถขยับเพดานขึ้นไปได้อีก
“ไม่ว่าเจอโควิด-19 รอบ 1 หรือ 2 เราก็มีการช่วยเหลือประชาชนผ่านเงินเยียวยา เงินช่วยเหลือ ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการมีความร่วมมือจากคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ช่วยพักชำระหนี้ การเสริมสภาพคล่องธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 นี้จะเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ติดลบ โดยส่วนที่ยังไปต่อได้คือภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งปี 2563-2565 มองว่ารัฐบาลจะมีนโยบายรัฐเพื่อสนับสนุนในประเทศมากขึ้น และยังเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา สถาบันวิจัยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ทางเกียรตินาคินภัทรเดิมคาดว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2564 นี้จีดีพีไทยจะขยายตัว 3.5-4% แต่เมื่อเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกสอง และกึ่งล็อกดาวน์ (Semi-Lockdown) คาดว่าจีดีพีไตรมาส 1/64 จะชะลอตัวลง และปรับลดคาดการณ์ทั้งปีลงเหลือ 2%
ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะกึ่งล็อกดาวน์ยาว 1 ไตรมาส แต่หากยืดเยื้อไปถึงไตรมาส 2/64 อาจจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564 เหลือ 2 ล้านคน ซึ่งยังเป็นจุดที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะในช่วงก่อนโควิด-19 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน และรายได้จากกลุ่มนี้อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ถือเป็นส่วนสำคัญของจีดีพีไทยที่มีอยู่ 16-17 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกัน กรณีที่แย่ที่สุดหากมีการกึ่งล็อกดาวน์ยืดเยื้อ 2 ไตรมาส และไม่ได้รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจส่งผลให้ปี 2564 นี้จีดีพีอาจติดลบ
อย่างไรก็ตาม มองว่าปัจจัยหลักที่ต้องติดตามในปี 2564 คือ การกระจายวัคซีน ซึ่งรัฐบาลไทยตั้งเป้าหมายว่านำเข้าวัคซีน Sinovac ของจีน (เดือนมีนาคม-เมษายน รวม 2 ล้านโดส) และการผลิตจากการร่วมทุนแอสตราเซเนกา-ออกซ์ฟอร์ด (ร่วมกับสยามไบโอไซเอนซ์) อีก 26 ล้านโดส และอีก 35 ล้านโดส รัฐบาลสัญญาว่าจะจัดหาให้ได้ในครึ่งปีหลัง 2564 ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน
ดังนั้น เบื้องต้นจากข้อมูลของรัฐบาลประเมินว่า จะมีคนไทยเข้าถึงวัคซีนเพียง 31 ล้านคนเท่านั้น (ไม่ถึง 50%) ขณะที่เกณฑ์สากลระบุว่า ประเทศที่จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ต้องมีประชากรฉีดวัคซีน 80-95% ซึ่งต้องยอมรับว่าไทยจะช้ากว่าในต่างประเทศที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึงในช่วยกลางปี 2564 นี้
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล