วันนี้ (15 ธันวาคม) หลังมีภาพรถบรรทุกน้ำมันจำนวนกว่า 100 คัน จอดรอบริเวณทางเข้าจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากก่อนหน้านี้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 โดย พล.ท. วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกคำสั่งควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท รวมถึงยุทโธภัณฑ์ต่างๆ ผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา
วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าว นำเสนอเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันผ่านทางด่านช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ไปยัง สปป.ลาว ว่าอาจมีการลักลอบส่งต่อน้ำมันให้ประเทศกัมพูชาหรือไม่นั้น กระทรวงพลังงาน โดย กรมธุรกิจพลังงาน เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอย่างละเอียด ทั้งข้อมูลปริมาณการส่งออกในอดีตเทียบกับปัจจุบัน เส้นทางในการส่งออก
รวมถึงได้กำชับผู้ค้าน้ำมันทุกรายในการปฏิบัติตามมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกด่านตลอดแนวชายแดน ไทย – สปป.ลาว ที่อาจจะสามารถส่งต่อไปยังกัมพูชาได้ ส่วนที่ปรากฎภาพรถน้ำมันที่ตกค้างตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลมาจากมาตรการคุมเข้มในการส่งออกน้ำมัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการบริหารจัดการและประสานกับผู้ค้าน้ำมันเพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่ง และน้ำมันจะต้องถูกส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดใน สปป.ลาว เท่านั้น
นอกจากมาตรการป้องกันการส่งน้ำมันทางบกแล้ว กรมธุรกิจพลังงานได้ติดตามตรวจสอบไม่ให้มีการส่งออกน้ำมันทางเรืออย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการจำกัดการส่งออกน้ำมันให้ครอบคลุมทุกช่องทาง
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะติดตามการกำกับดูแลมาตรการที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ เพื่อนำมาซึ่งความสงบสุขของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย
“ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน ได้กำชับผู้ค้าน้ำมันและได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในการกำกับการส่งออกน้ำมันทั้งทางบกและทางเรือไปยังกัมพูชา เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และกรมธุรกิจพลังงาน ได้เพิ่มความเข้มงวดในการติดตามและกำกับดูแลการส่งออกน้ำมันที่ผ่านด่านตลอดแนวชายแดน ไทย – สปป.ลาว อย่างเคร่งครัด จะต้องไม่มีการส่งออกน้ำมันที่มีปริมาณมากผิดปกติ และพร้อมเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างผู้ค้าน้ำมันให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันของกองทัพ และจะยึดผลประโยชน์และความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชนชาวไทยเป็นสำคัญ” วีรพัฒน์ กล่าว
3 บริษัทน้ำมัน ชี้แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้าน
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการระบุว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ ว่าพบการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชา นั้น
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม ขอยืนยันว่ากลุ่ม ปตท. ไม่มีการส่งออกน้ำมันไปที่ประเทศกัมพูชา โดยมีนโยบายงดส่งออกตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 และถือปฏิบัติมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการตระหนักถึงความมั่นคงของประเทศและพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นสำคัญ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ไม่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศกัมพูชา โดยไม่มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งทางรถและทางเรือ
สำหรับการจัดส่งน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการดำเนินการตามคำสั่งซื้อและเอกสารทางการค้าอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยมีจุดหมายปลายทางตามที่ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐของประเทศนั้น ๆ ที่กำหนดให้การนำเข้า–ส่งออกและการขนส่งผ่านแดนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเป็นไปตามใบอนุญาตและพิธีการศุลกากรอย่างเคร่งครัด และห้ามการส่งต่อไปยังประเทศที่สาม
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC และบริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SPRC และเป็นผู้ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการประกอบธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้ชื่อคาลเท็กซ์ในประเทศไทย ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ไม่มีการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชา และไม่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางบกหรือทางทะเล
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ความมั่นคงของชาติ และประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญ
ภาพ: สาโรช เมฆโสภาวรรณกุล / Thai News Pix


