วันนี้ (7 พฤศจิกายน) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงกระแสข่าวการปล่อย 18 เชลยศึก 12 พฤศจิกายนนี้ว่า จะต้องมีความชัดเจนใน 4 เงื่อนไข ข้อตกลง ไทย-กัมพูชา คือ การถอนอาวุธหนัก, เก็บกู้ทุ่นระเบิด, แก้ปัญหาสแกมเมอร์ และบริหารจัดการชายแดน เบื้องต้นพูดคุยกันแล้วไม่สำเร็จ จึงย้อนมาวันที่ 23 ตุลาคม ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งเป็นการพูดคุยเรื่องเดิม มีความคืบหน้า แต่รายละเอียดต้องไปตกลงกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (JBC)
พล.อ. ณัฐพลกล่าวอีกว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีไปลงนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปล่วงหน้าและมีการพูดคุยกันเรื่องนี้กับกัมพูชาและประเทศที่เป็นพยาน อยากให้มีการปล่อยตัวเชลยศึก เพราะเป็นเรื่องมนุษยธรรม เก็บไว้ก็ไม่มีอะไร เราก็ได้มีการต่อรองว่าขอให้กัมพูชาให้ดำเนินการ 4 ข้อให้เป็นรูปธรรม
พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่าคำว่า รูปธรรม ไม่ใช่ว่าจบ แต่หมายถึงสัญญาณที่เป็นรูปธรรมว่ากัมพูชาจริงใจกับไทย ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานติดตามคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามเอกสารถ้อยแถลงผลการพบปะหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา (คปถ.) โดยมีเหล่าทัพ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ไปพูดคุยกัน
พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ล่าสุดมีข้อตกลงกันว่า เฟสแรกอยากให้การถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดสำเร็จแล้วจึงมาพูดคุยกันเรื่องปล่อยเชลยศึก โดยการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเราเสนอไป 13 พื้นที่ แต่ในระดับพื้นที่ต่อรองจนเหลือ 5 พื้นที่ ซึ่งกัมพูชาได้ตอบรับที่จะปฏิบัติตามถ้อยแถลงที่นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาลงนาม
ส่วนวันที่ 12 พฤศจิกายน เป็นการคาดการณ์ว่าน่าจะมีการปล่อยตัว เนื่องจากกัมพูชาบอกว่าจะทำให้เร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 10-12 พฤศจิกายน แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องปล่อย จะต้องมาดูอีกครั้งว่า ทำตามข้อตกลงในเฟสที่หนึ่งที่คุยกันไว้หรือไม่ หากจบเร็ว เราก็ปล่อยเร็วเช่นกัน เราดูที่เงื่อนไข ไม่ได้ดูที่วันที่ ส่วนข่าวที่ออกมาตนเองก็ไม่ทราบว่ามาจากไหน
“ถ้าวันที่ 12 อาวุธหนักที่คุยกันในเฟสหนึ่งยังถอนไม่หมด คือ จรวดหลายลำกล้อง และปืนใหญ่ระยะยิงไกล ถ้าไม่หมด เราก็ไม่ปล่อย การเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่ที่รับปากไว้ ถ้าถึงเวลาเราเข้าเก็บไม่ได้ เราก็ไม่ปล่อย 2 ข้อนี้ คือรูปธรรม”
พล.อ. ณัฐพลยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ว่า เป็นรูปธรรมมากขึ้น ไทยมีการตั้งศูนย์ปราบสแกมเมอร์ กรณีที่มีผู้เสียชีวิตกัมพูชาก็ให้ความร่วมมือ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่าให้ความร่วมมือดีขึ้นมาก ส่วนบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ก็ถือว่าเป็นรูปธรรม ดังนั้นบางทีเราก็ต้องปฏิบัติเหมือนประเทศที่มีวุฒิภาวะ และเป็นประเทศที่มีอารยะ
“ตราบใดที่ผมอยู่ตรงนี้ยืนยันได้เลย เรื่องอธิปไตยเรายึดถือ ผลประโยชน์ของชาติอย่างแน่นอน โดยทำตามขั้นตอนแบบอารยะประเทศ”
ส่วนแนวทางเรื่องปราสาทตาควายจะทำอย่างไร พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ในขั้นต้นขอทำตามข้อตกลง 5 ข้อ ที่เพิ่มมาคือเรื่องการสร้างรั้ว และเมื่อทำตาม 5 ข้อแล้วก็จะมาเก็บรายละเอียด เช่น ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา ทางชำราก ทั้งนี้ขอความเห็นใจว่าเหตุที่เกิดขึ้นสะสมมา 15 ปี หลังปี 2554 ที่มีปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร และกัมพูชาก็เตรียมการ สะสม รุกล้ำ มาเรื่อยๆ รัฐบาลกำลังจะแก้ไขรายละเอียดเหล่านี้ ให้เวลาตนนิดนึง ถ้าทำเร็วจะไม่เรียบร้อย พร้อมยืนยันว่า ถ้าหากกัมพูชาดำเนินการตามข้อ 1-2 ก็จะปล่อยตัวเชลยศึก แต่ยังเหลืออีกมาตรการที่เราจะไม่แตะคือการเปิดด่าน จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย


