วันนี้ (2 พฤษภาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลักดันค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทของรัฐบาล โดยระบุว่า ค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องที่สำคัญต่อพี่น้องชาวแรงงาน พรรคประชาชนได้ตั้งข้อสังเกตมาก่อนหน้านี้ว่า ประเด็นนี้เป็นตัวอย่างของนโยบายที่รัฐบาลได้เคยมีการประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นประกาศในนามพรรคการเมืองหรือรัฐบาล ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียด จนไม่สามารถรักษาสัญญาได้
“เรื่องค่าแรง 400 บาท นอกเหนือจากที่รัฐบาล พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้งแล้ว ว่าจะมีการปรับขึ้นในปีแรก เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย 600 บาท ภายในปี 2570 แต่แม้มีการตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมาแล้ว ก็เคยมีการสื่อสารผ่านโฆษกรัฐบาล สมัย เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการปรับขึ้น 400 บาท ทุกพื้นที่ ทุกอาชีพ ทั่วประเทศ จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีความชัดเจนว่าเป้าหมายที่ประกาศไว้จะสำเร็จเมื่อไหร่ ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนเขามีความชอบธรรมอย่างยิ่งที่จะทวงถามรัฐบาล ว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในเรื่องนี้หรือไม่” พริษฐ์กล่าว
พริษฐ์กล่าวต่อไปว่า ในมุมของพรรคประชาชน เราไม่ได้แค่เรียกร้องอย่างเดียว เรามีข้อเสนอแนะที่ทำให้ค่าแรงขั้นต่ำถูกแก้ไขอย่างยั่งยืน และเป็นระบบมากขึ้น ในรูปธรรม เรามีการยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน หนึ่งในร่างที่เรายื่นไปเป็นการปรับคำนวณค่าแรงขั้นต่ำ สิ่งที่เราอยากเห็นคือมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างเป็นธรรม และคำนึงถึงค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดด ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการอาจจะไม่มีเวลาในการปรับตัว
“ค่าแรงควรจะปรับขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพการเติบโตของเศรษฐกิจและค่าครองชีพในหลายปี ในมุมหนึ่ง เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน และทำให้ผู้ประกอบการคาดการณ์ต้นทุนจากค่าแรงในอนาคตได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่เราอยากเห็น จึงมีการยื่นร่างกฎหมายเข้าไปในสภา ก็หวังว่าจะได้รับความเห็นชอบจาก สส. ฝั่งรัฐบาลเช่นกัน” พริษฐ์กล่าว
ส่วนจะสามารถมองว่า รัฐบาลไม่เน้นแก้ปัญหาตามที่หาเสียง แต่มุ่งเน้นไปผลักดันกฎหมาย Entertainment Complex แทนได้หรือไม่นั้น พริษฐ์กล่าวว่า ถ้ามองในภาพรวม เราจะเห็นว่าหลายอย่างที่หาเสียงไว้ไม่ค่อยคืบหน้า แต่หลายอย่างที่ไม่ได้หาเสียงไว้กลับดูเร่งรัด ก็เห็นปรากฏอยู่
“ในมุมหนึ่งที่รัฐบาลกลับไปกลับมาเรื่องคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ผมคิดว่าสร้างความเสียหายในหลายมิติ นอกจากประชาชนจะรู้สึกว่ารัฐบาลไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ในอดีตแล้ว อีกมุมหนึ่งในอนาคต ก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อคำพูดรัฐบาล ผมก็อยากจะให้รัฐบาลคำนึงถึงเรื่องนี้ นอกจากการจะรักษาสัญญากับพี่น้องประชาชนแล้ว ควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา อย่างคงเส้นคงวา” พริษฐ์กล่าว