วันนี้ (10 มีนาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 21 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ที่มี พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุมนั้น เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ตั้งกระทู้ถามสด พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถึงอุปสรรคในการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท รวมถึงแผนรับมือและมาตรการในการปรับค่าแรง 400 บาท
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลมีความพยายามมาโดยตลอดที่จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ซึ่งมีการขึ้นไปทั้งสิ้น 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พิพัฒน์ยอมรับตนเองไม่ได้สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบที่ยังไม่สามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศได้ ทั้งได้มีการมอบนโยบายแก่ข้าราชการกระทรวงแรงงานไปแล้ว ซึ่งจากการประชุมกับอนุกรรมการฯ ทั่วประเทศนั้น ที่มีการขึ้นค่าแรงต่ำ 7-55 บาท และวัดจากการขึ้นค่าแรงในช่วงที่ผ่านมา ในหนึ่งปีขึ้นไม่ถึง 3%
ส่วนเหตุที่ยังไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้นั้นเป็นผลมาจากการวิเคราะห์ของแต่ละจังหวัด และไม่กล้าไปกระทบกับธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งเป็นผู้ถือครองแรงงานถึง 80% หากมีการกดดันมาก และธุรกิจเกิดล้มไป จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยขั้นรุนแรง จึงทำให้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นต้องเป็นไปตามองค์ประกอบของการพิจารณา
พิพัฒน์กล่าวอีกว่า กระทรวงแรงงานได้เรียกประชุมคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อหารือค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งวันที่ 12 มีนาคม แม้ในอีก 1 วันต่อมาคณะกรรมการชุดนี้จะหมดวาระแต่ยังต้องรักษาการต่อจนกว่าจะมีการสรรหาเข้ามาใหม่ ซึ่งตนเองยังมีความมุ่งหวังไปที่คณะกรรมการไตรภาคีว่า จะมีการขึ้นค่าแรงใน 7 จังหวัดนำร่อง และดึงบางอาชีพที่ดีขึ้นให้ขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาททั่วประเทศ
ส่วนมาตรการบรรเทาผลจากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 นั้นที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น การลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ของผู้ประกอบการและผู้รับผิดชอบเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง, การลดเงินสมทบของฝ่ายนายจ้างเป็นหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม, การให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพลังงาน ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องหารือกับแต่ละกระทรวงอีกครั้ง
พิพัฒน์กล่าวต่อว่า จะต้องมีการหยิบยกการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงปี 2555-2556 เป็นโมเดล และปรับใช้ให้ได้มากที่สุด ยืนยันว่า ตนเองและกระทรวงแรงงานยังไม่ได้ละความพยายามในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และขอฝากไปถึงคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่าสาธารณูปโภคเริ่มขยับขึ้นแล้ว
ส่วนการขึ้นค่าแรงจาก 400 บาทเป็น 600 บาท ในปีก่อนปี 2570 นั้น พิพัฒน์กล่าวว่า ตนเองเคยพูดไปแล้วว่าจะพยายามทำให้ได้ โดยต้องพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศ, อัตราการเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย ว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะขึ้นค่าแรงถึง 600 บาท หากภาวะเศรษฐกิจไม่ถึง เราก็ไม่สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้เช่นกัน
แต่กระทรวงแรงงานก็ได้มีการประกาศ 129 สาขาอาชีพที่ได้รับการพัฒนา ซึ่งได้รับค่าแรงขั้นต่ำเกิน 400 บาทไปแล้ว แต่ยังขาดอยู่เพียง 13 สาขา ที่ต่ำกว่า 400 บาท โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของทั้ง 13 อาชีพ แต่อาชีพอื่นๆ กว่า 90% ได้มีการเดินหน้าไปแล้ว ขอยืนยันว่า ตนเองก็ยังคงมีความพยายามเดินหน้าต่อไป