×

มายด์ BNK48 ไอดอลสาวที่เดินทางไกลจากโคราช เพื่อเก็บเงินสร้างบ้านให้ครอบครัว

27.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • จุดเริ่มต้นที่ทำให้มายด์รู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงได้ คือการร้องเพลง ‘เด็กดอยใจดี’ ของน้องมายด์ ป่วนเมือง ศิลปินชื่อเดียวกันที่มายด์เริ่มฟังจนติดหูมาตั้งแต่เด็ก
  • จุดอ่อนที่มายด์ค้นพบ คือชอบเสียสมาธิเพราะมัวแต่มองสายตาที่คนอื่นมองเข้ามา และเคยกลัวสมาชิกแก๊งชราไลน์เพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จัก จนเมื่อมีเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มายด์ก็รู้ทันทีว่าทั้งหมดนั้นเธอคิดไปเอง และไม่มีใครที่จะมองและทำให้มายด์เสียสมาธิได้มากเท่าตัวเองอีกแล้ว
  • ความฝันสูงสุดในการเข้ามาเป็นไอดอลของมายด์คือการเก็บเงินเพื่อสร้างบ้านให้กับครอบครัว

หลังจากมีโอกาสพูดคุยกับสมาชิกวง BNK48 มาหลายคน THE STANDARD พบว่าจุดร่วมอย่างหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความฝันที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็น ‘ไอดอล’ ที่ดี โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละคน

 

เช่นเดียวกับ ปณิศา ศรีละเลิง หรือมายด์ BNK48 เด็กหญิงที่เพิ่งเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนางสาวได้แค่ 1 ปี แต่กลับแบกความฝันที่ใหญ่เกินตัว เธอตัดสินใจออกเดินทางไกลจากจังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาทำงานเก็บเงินและสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัว

 

 

แน่นอนว่าเส้นทางความฝันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธออาจจะไม่ใช่สมาชิกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมล้นหลามจากแฟนคลับ เธอยังต้องต่อสู้ พัฒนาตัวเอง ผ่านความผิดหวัง เจ็บปวด เพื่อผลักดันตัวเองขึ้นไปให้สูงที่สุด แต่มายด์ก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ เพราะความฝันของเธอนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหันหลังกลับ

 

จนถึงตอนนี้แม้แต่เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่าหน้าตาของบ้านในฝันที่หวังเอาไว้จะออกมาเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้ตั้งแต่ตอนนี้ก็คือ เมื่อความฝันของเธอประสบผลสำเร็จ ‘บ้าน’ หลังนั้นจะต้องเป็นบ้านที่แสนอบอุ่น และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นอน

 

 

ก่อนที่จะมาเป็นมายด์ BNK48 ชีวิตวัยเด็กของมายด์เติบโตมาพร้อมกับเรื่องอะไรบ้าง

ตอนเด็กๆ แม่ของมายด์ต้องออกไปทำงานแต่เช้า กลับบ้านดึก ส่วนใหญ่เลยได้อยู่กับคุณพ่อมากกว่า เพื่อนๆ หรือญาติที่สนิทกันก็มีแต่ผู้ชาย เล่นอะไรแบบที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกัน เตะฟุตบอล วิ่งเล่น ขี่จักรยาน เลยกลายเป็นเด็กที่ค่อนข้างซนมากๆ บางครั้งก็พาเด็กๆ แถวบ้านเข้ามาเล่นในบ้านโดยไม่บอกผู้ใหญ่ แล้วก็ชอบไปตักปลาที่คุณย่าเลี้ยงเอาไว้มาเล่น เพราะมายด์ชอบนั่งมองและสังเกตความแตกต่างของปลาแต่ละตัว แต่ก็มีหลายทีที่ทำปลาตาย ก็จะโดนคุณย่าตีบ่อยๆ อาวุธคู่มือของย่าคือไม้เรียวกับไม้ขนไก่ที่ถอนขนออกเตรียมไว้เรียบร้อย ใครที่เคยโดนน่าจะรู้ว่ามันเจ็บมาก

 

พอโตขึ้นมาหน่อยรู้สึกว่ามายด์ดื้อน้อยลงนะ แต่กลายเป็นเอาแต่ใจตัวเอง เวลาอยากได้อะไรที่ตัวเองต้องการมากๆ ก็จะพยายามทำสิ่งนั้นให้ได้ เช่น เรื่องเข้ามาในวง BNK48 แอบคิดไว้ว่ามีโอกาสที่พ่อแม่จะไม่อนุญาต มายด์ก็ส่งใบสมัครมาเลย จนผ่านเข้ารอบแรก ค่อยไปบอกว่าผ่านรอบแรกแล้วนะ พามายด์ไปออดิชันรอบ 2 ที่กรุงเทพฯ ด้วย เขาตกใจกันใหญ่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

 

 

ความรู้สึกแรกที่รู้ตัวว่ามายด์อยากเป็นนักร้องเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหน

มายด์ชอบฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อจะเปิดเพลงให้ฟังตลอด เวลาดูทีวีหรือฟังวิทยุก็จะได้ฟังเพลงหลายๆ แนว จนเริ่มคิดว่าถ้าเราได้ทำเพลงแบบนั้นออกมาแล้วมีคนชอบก็น่าจะสนุกดี แล้วก็เริ่มจากพวกงานประกวดในโรงเรียนตอนวันเด็กทั่วๆ ไป จริงๆ มายด์ขี้อายนะ แต่มั่นใจว่าร้องเพลงได้ เพราะมีเพลงโปรดของเราอยู่ อยากโชว์ให้คนอื่นรู้ว่าเรามีเพลงของเรา

 

ซึ่งเพลงนั้นคือ..

ผมเอาแครอตมาฝาก ของน้องมายด์ (บุณย์พัชรี แสงทองวีรกุล) นี่เอง (หัวเราะ) พอมีลูกชื่อมายด์ พ่อก็ซื้อแผ่นซีดีมาให้ฟัง แล้วเราก็เปิดฟังตลอดจนเป็นเพลงที่ติดหูมากๆ อยากแก้มแดงเหมือนในเพลง ก็แอบไปเอาที่ปัดแก้มของแม่มาทาให้แก้มแดงเหมือนน้องมายด์ (หัวเราะ)

 

เพลง เด็กดอยใจดี

 

ตอนนั้นถ้าพ่อแม่ไม่อนุญาต และไม่พามาออดิชั่นรอบสอง มายด์จะทำอย่างไร

ก็จะมาเองอยู่ดี (หัวเราะ) เพราะตอนที่เข้ามาเป็น BNK48 ใหม่ๆ ถ้าไม่นับช่วงแรกๆ ที่พ่อนั่งรถมาด้วย มายด์ก็ยังนั่งรถทัวร์จากโคราชมาที่กรุงเทพฯ เองอยู่เลย บางช่วงก็รู้สึกว่าเหนื่อย เหงาเหมือนกัน แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มชิน แล้วคิดว่าเมื่อเลือกเดินทางนี้แล้วเราต้องทำให้ได้ จะไม่ยอมหยุดกับความเหนื่อยแค่นี้เด็ดขาด

 

 

ก่อนเข้ามาเป็น BNK48 มายด์เคยมีความฝันอยากทำอาชีพอย่างอื่นมาก่อนบ้างหรือเปล่า

อยากเป็นสัตวแพทย์ เพราะที่บ้านเลี้ยงสัตว์เยอะมาก ปลา กระต่าย หมา แมวก็เคยเลี้ยง จนรู้สึกว่ามายด์ชอบที่จะได้อยู่สัตว์ เคยมีตัวหนึ่งที่มายด์รักมาก แล้วอยู่ๆ มันหายตัวไป มาเจออีกทีมันนอนตายอยู่ในกองพุ่มไม้ที่มองไม่เห็น แล้วเราเสียใจมาก คิดว่าไม่อยากให้สัตว์ตัวไหนต้องตายไปอีก ก็เลยคิดว่าอยากเป็นสัตวแพทย์ แล้วดูแลสัตว์ทุกตัวให้ดีๆ รวมทั้งได้ช่วยคนอื่นดูแลสัตว์ของเขาได้ด้วย

 

พอได้เข้ามาเป็นสมาชิกของ BNK48 จริงๆ ช่วยตอบโจทย์ความฝันของมายด์ได้มากขนาดไหน

ตอนแรกคิดว่ามาถึงจะได้ร้องเพลง ได้เต้นบนเวทีที่มีคนดูเยอะๆ เหมือนที่เราเคยเห็นจากศิลปินทั่วไป แต่พอเข้ามามันมีอะไรมากกว่านั้น เราไม่ได้แค่ใส่สุดสวยๆ ออกไปร้อง ออกไปเต้น แต่เราต้องซ้อม ต้องเตรียมหนักมากเพื่อผ่านการคัดเลือกแล้วถึงจะได้ขึ้นไปยืนบนเวที ในช่วงแรกเลยยังไม่ได้ตอบโจทย์มากเท่าไร เพราะว่ามายด์ยังคิดน้อยเกินไป แต่นั่นก็ทำให้มายด์กลับมามีความพยายามมากขึ้นเพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้เป็นนักร้องและขึ้นไปยืนบนเวทีที่มีคนดูเยอะๆ ได้จริงๆ

 

ตอนแรกยอมรับเลยว่ามายด์ยังพยายามไม่มากพอ ถ้าคะแนนเต็มร้อยคงให้คะแนนตัวเองแค่ 50% ตอนนั้นคิดแค่ว่าเราไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่น แค่พยายามทำในส่วนของเราไปเรื่อยๆ ก็พอ ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้พัฒนาอะไรเลย แต่เราพัฒนาช้าถ้าเทียบกับคนอื่นที่เขาก้าวกระโดดกันเร็วมาก พอเทียบกันเลยเหมือนเราหยุดอยู่กับที่ ทำให้มายด์ไม่ติดเซมบัตสึตั้งแต่ซิงเกิลแรก (อยากจะได้พบเธอ) หลังจากนั้นก็พยายามมากขึ้น ถามคนอื่นว่าเขามีวิธีพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง ว่ายน้ำ ฟิตเนส ออกกำลังกาย ทำหลายๆ อย่างที่คิดว่าไม่เกี่ยวกับการร้องเพลง แต่ทั้งหมดมันคือการพัฒนาตัวเองได้ทั้งนั้น จนในที่สุดก็ได้ขึ้นมาเป็นเซ็นเตอร์เพลงพลิ้ว ถึงจะไม่ใช่ซิงเกิลหลัก แต่อย่างน้อยความพยายามของเราก็เริ่มเห็นผลขึ้นมาแล้ว

 

 

หลังจากที่พยายามอย่างหนักอยู่นาน ความรู้สึกในวันที่เขาประกาศว่ามายด์ได้เป็นเซ็นเตอร์เป็นอย่างไรบ้าง

มีหลายความรู้สึกมาก เพราะมายด์ชอบเพลงคุกกี้เสี่ยงทายมาก แล้วก็หวังกับเพลงนี้เอาไว้เยอะ พอรู้ว่ายังไม่ติดเซมบัตสึในซิงเกิลนี้ก็เสียใจมาก แล้วทีมงานก็ประกาศว่าเราได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงพลิ้ว ซึ่งตอนแรกมายด์อยากเต้นคุกกี้มากกว่า (หัวเราะ) ตอนที่ฟังรู้สึกว่าเป็นเพลงอารมณ์หญิงสาวต้องมาเต้นเปิดกระโปรง ตอนที่ดูของญี่ปุ่นก็เห็นว่าค่อนข้างเปิดกระโปรงเยอะ คิดขึ้นมาในใจว่าเป็นเซ็นเตอร์เพลงแรกก็ต้องมาเปิดกระโปรงให้คนอื่นดูเลยเหรอ (หัวเราะ) แต่พอได้มาเต้นจริงๆ เวอร์ชันของไทยไม่ได้โป๊ขนาดนั้น บวกกับความรับผิดชอบที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสมาแล้ว เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด จนตอนนี้เพลงพลิ้วก็กลายเป็นหนึ่งเพลงที่มายด์ชอบมากๆ ไปเลย  

 

คิดว่าตอนนี้อะไรคือสิ่งที่มายด์ต้องพัฒนาตัวเองมากที่สุดในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของ BNK48

เรื่องของสมาธิ มายด์เป็นคนวอกแวกกับอะไรง่าย โดยเฉพาะสายตาของคนอื่นเวลามองมาที่เรา อย่างเพื่อนๆ ในวงเวลาเขามองเราเต้นก็จะคิดว่า อย่ามองเราได้ไหม เพราะไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรกับเราบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเลย เพราะพอได้ไปคุยกับคนอื่นๆ ได้เรียนรู้นิสัย ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาคิดอะไรกับเรา ก็รู้ว่าทั้งหมดมาจากความคิดไปเองของตัวเราทั้งนั้น มายด์เคยกลัวแก๊งชราไลน์มากเลยนะ เพราะคิดว่าเขาคือผู้ใหญ่แล้วเราเป็นเด็ก กลัวว่าเราจะไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย กลายเป็นแก๊งของผู้ใหญ่ที่ตลกมากๆ ด้วยซ้ำ

 

เคยกลัวใครในแก๊งชราไลน์มากที่สุด

พี่แก้ว (ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ) กับพี่อร (พัศชนันท์ เจียจีรโชติ) อย่างพี่แก้ว มายด์ชอบคิดว่าพี่เขาทำหน้าเหมือนคนชอบเหวี่ยง แต่พอได้กลับบ้านกับพี่แก้ว ได้คุยกับพี่แก้วหลายๆ ครั้ง ก็รู้ว่าพี่แก้วเป็นคนตลกมาก ส่วนพี่อร ตอนแรกคิดว่าเขาแรง ซึ่งจริงๆ ก็แรงแหละ (หัวเราะ) แต่เขาไม่ได้แรงแบบน่ากลัว เรียกว่าเป็นคนตรงและมีเหตุผลมากๆ ในระดับที่เชื่อได้เลยว่าพี่อรสามารถดูแลเราได้ นั่นคือความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นมา

 

นอกจากสิ่งใหม่ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการทำงานและสมาชิกในวง ยังมีเรื่องไหนที่เด็กผู้หญิงวัย 16 ปีอย่างมายด์เรียนรู้จากการมาเป็น BNK48 อีกบ้าง

เรียนรู้ว่าพลังของแฟนคลับเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเรา งานจับมือครั้งล่าสุด เขามีประกาศ 16 คนที่จะเป็นเซมบัตสึในเพลง นะมิดะเซอร์ไพรส์! แล้วไม่มีชื่อของมายด์อยู่ในนั้น พอถึงเวลาต้องไปจับมือก็ไม่รู้ว่าจะมองหน้าแฟนคลับที่มารอเจอเรายังไง อยากขอโทษพวกเขาที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด แต่มายด์ทำให้เขาดีใจไม่ได้ ก็เลยร้องไห้ตั้งแต่คนแรกที่จับมือเลย (หัวเราะ) แล้วทุกคนก็บอกว่าไม่เป็นไร เขายังสนับสนุนเราต่อไปเรื่อยๆ ความเสียใจที่ไม่ติดเซมบัตสึก็เลยค่อยๆ หายไป กลายเป็นว่าเซมบัตสึไม่ใช่ทุกอย่างของเรา ตราบใดที่ยังมีแฟนคลับสนับสนุนเราอยู่ตรงนี้

 

 

ถ้าการติดเซมบัตสึไม่ใช่ทุกอย่างของมายด์ แล้วอะไรคือ ‘ทุกอย่าง’ ของมายด์ในเวลานี้

คือการสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ (หัวเราะ) เป็นเรื่องที่คิดมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิก BNK48 เลย ซึ่งทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากตอนแรกที่เข้ามาใหม่ๆ เงินเดือนยังน้อย มายด์รู้สึกแย่มากเลยนะ เพราะว่าแทนที่จะลดภาระให้เขา แต่ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ ที่สูงขึ้น ทำให้มายด์ยังต้องขอเงินพ่อเพิ่มอยู่เลย จนได้เป็นเซ็นเตอร์เงินเดือนเพิ่มขึ้น ตอนนี้ไม่ต้องขอพ่อเพิ่มแล้ว พ่อก็บอกว่าให้ใช้เงินเท่าที่มีไปก่อน แล้วถ้าได้เงินเดือนเพิ่มมากกว่านี้ค่อยมาเริ่มทำบัญชีเก็บเงินอย่างจริงจังอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นทางที่จะทำแบบนั้นได้ก็คือมายด์ต้องพยายามพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพื่อยกตัวเองไปสู่ระดับที่สูงกว่านี้ เพื่อจะได้มีเงินเดือนมากพอที่จะทำให้ความฝันที่เริ่มต้นเอาไว้ให้สำเร็จ จะบอกว่ามายด์มาเป็นไอดอลเพื่อจะสร้างบ้านให้ครอบครัวเลยก็ได้นะตอนนี้ (หัวเราะ)

 

 

ทำไมถึงมีความคิดอยากสร้างบ้านให้ครอบครัวตั้งแต่ตอนนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่เหมือนกันนะสำหรับเด็กผู้หญิงที่อายุแค่ 16 ปีแบบนี้

เป็นเรื่องที่ทุกคนคุยกันมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะบ้านที่อยู่เป็นบ้านเก่าที่คุณปู่สร้างเอาไว้ พ่อแม่ก็คิดว่าอีกหน่อยถ้าครอบครัวเราขยายใหญ่มากกว่านี้แล้วจะอยู่ที่นี่ได้เหรอ ตอนที่ยังไม่มีประกาศรับสมัคร BNK48 ยังเคยคิดอยู่เลยว่าอยากทำงานที่มีเงินเดือนเยอะๆ อยากเป็นสถาปนิกที่ออกแบบบ้านได้จะได้มาออกแบบบ้านให้พ่อโดยไม่ต้องเสียเงิน ถึงขนาดไปเรียนออกแบบในชมรมของโรงเรียนมาแล้วด้วยนะ แล้วพอรู้ว่า BNK48 เปิดก็รีบมาสมัครเลย เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว และก็น่าจะเป็นทางลัดที่ทำให้ความฝันเป็นจริงได้เร็วขึ้น แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยลัดเท่าไร เพราะยังมีอะไรที่ต้องพัฒนาอีกเยอะมากเลย

 

ช่วงที่ผิดหวังมากๆ จากการไม่ติดเซมบัตสึหลายๆ รอบ เคยมีความคิดถึงขนาดว่าจะจบการศึกษาไปก่อนบ้างไหม

ไม่เคยเลยค่ะ และก็ไม่คิดที่จะแกรดฯ ด้วย อย่างน้อยก็จนกว่าจะสร้างบ้านได้สำเร็จ (หัวเราะ)

FYI
  • กิจกรรมวัยเด็กที่มายด์ชอบเล่นมากๆ คือ การเล่นโยนหินให้กระเด้งบนพื้นน้ำ และการเรียงหินแข่งกับเพื่อนๆ ให้สูงที่สุด โดยที่คนชนะจะได้รับสิทธิในการพังกองหินของเพื่อนคนอื่นๆ ที่ตั้งขึ้นมา และมายด์คือคนที่มักจะโดนทำลายกองหินที่พยายามสร้างขึ้นมาอยู่เสมอ
  • ชราไลน์ คือชื่อเรียกที่กลุ่มแฟนคลับตั้งให้สมาชิก BNK48 ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ประกอบด้วยสมาชิก 6 คน คือ เนย อร แก้ว ตาหวาน น้ำหนึ่ง และแจน แต่เมื่อแจนประกาศจบการศึกษาไปก่อน ทำให้ปัจจุบันสมาชิกของชราไลน์เหลือแค่ 5 คนเท่านั้น
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X