ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ในเกมการแข่งขันฟุตบอลกัลโชเซเรียบี ลีกรองของประเทศอิตาลี คู่ระหว่าง วิเซนซา พบกับ วีร์ตุส เอ็นเตลลา คริสเตียน กาลาโน ศูนย์หน้าตัวเป้าของทีมวิเซนซา กลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับ ‘ใบเขียว’ จากผู้ตัดสินในสนาม
เนื่องจากในเกมดังกล่าวมีจังหวะหนึ่งที่คริสเตียน กาลาโน สับไกยิงประตูใส่ทีมคู่แข่ง ทว่าลูกยิงของเขาดันพุ่งออกหลังไปโดยที่ลูกบอลไม่ได้สัมผัสกับผู้เล่นฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผู้ตัดสินในสนามกลับเป่านกหวีดให้ทีมวิเซนซาได้เล่นลูกตั้งเตะจากมุมธงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ท่ามกลางการประท้วงจากนักเตะของทีมคู่แข่ง นั่นจึงทำให้คริสเตียน กาลาโน ต้องแสดงสปิริตโดยการเดินไปบอกกับผู้ตัดสินอย่างแมนๆ ว่า เขาเป็นคนเตะบอลออกไปเอง และทีมของเขาก็ไม่สมควรได้ลูกเตะมุมแบบนั้น ก่อนที่สุดท้ายกรรมการจะกลับคำตัดสิน แล้วให้ผู้รักษาประตูของทีมวีร์ตุส เอ็นเตลลา เป็นผู้นำบอลมาตั้งเตะจากประตูเพื่อเริ่มเล่นใหม่
ความจริงใบเขียวนั้นได้ถูกนำมาใช้กับการแข่งขันฟุตบอลในระดับเยาวชนของอิตาลีมาแล้ว ก่อนที่เซเรียบีจะนำมาทดลองใช้บ้างในปี 2016
สำหรับวงการกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล จะมีสัญลักษณ์อยู่อย่างหนึ่งซึ่งเป็นอันเข้าใจกันในระดับสากลว่าหมายถึงการลงโทษ นั่นก็คือการให้ ‘ใบเหลือง’ และ ‘ใบแดง’ สองใบนี้เป็นสิ่งที่ผู้ตัดสินในสนามจะใช้มอบให้แก่ผู้เล่นที่ทำผิดกฎกติกาการแข่งขันในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำฟาวล์ลักษณะต่างๆ เช่น การเข้าสกัดผู้เล่นฝั่งตรงข้ามแบบเสี่ยงอันตราย, การทำแฮนด์บอล, การเจตนาจงใจทำร้ายคู่แข่ง, การถ่วงเวลา หรือแม้แต่การแสดงกิริยามารยาทอันไม่เหมาะสมระหว่างเกมการแข่งขัน เป็นต้น
แต่นอกจากใบเหลืองใบแดงที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งการลงโทษ ซึ่งมีไว้สำหรับคนที่ทำผิดกติกาแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนที่เป็นแฟนฟุตบอลจะต้องเคยแอบคิดและสงสัย ว่าทำไมโลกนี้ถึงไม่มีการให้ใบอะไรแก่ผู้เล่นที่มีน้ำใจนักกีฬา หรือสามารถรักษากฎกติกามารยาทได้เป็นอย่างดีบ้างเลย เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ‘Green Card’ หรือ ‘ใบเขียว’ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของวงการฟุตบอล หรืออาจเรียกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการกีฬาเลยก็ว่าได้
ใบเขียวคืออะไร?
ถ้าจะให้อธิบายกันแบบง่ายๆ ใบเขียวมันก็คือขั้วตรงข้ามหรือขั้วบวกของใบเหลืองและใบแดงนั่นเอง ลักษณะรูปทรงของใบยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากสีเหลืองและสีแดงมาเป็นสีเขียวเท่านั้น
Green Card หรือใบเขียว เปรียบเสมือน ‘รางวัล’ เชิงสัญลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ยกย่องเชิดชูนักฟุตบอลผู้เล่นได้อย่างขาวสะอาด อยู่ในกฎกติกา มีสปิริต และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักฟุตบอลคนอื่น
ถึงแม้จะฟังดูดี แต่เราก็ต้องขอบอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่า ในปัจจุบันใบเขียวยังไม่มีการนำมาใช้อย่างเป็นทางการกับเกมฟุตบอล 5 ลีกใหญ่ของทวีปยุโรป ทั้งพรีเมียร์ลีก (อังกฤษ), ลาลีกา (สเปน), บุนเดสลีกา (เยอรมนี), กัลโชเซเรียอา (อิตาลี) และลีกเอิง (ฝรั่งเศส)
ภาพรวมก็อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่า ใบเขียวเป็นเหมือนรางวัลเชิงสัญลักษณ์ แต่ไม่ได้ส่งผลบังคับอะไรต่อเกมการแข่งขันเหมือนกับใบเหลืองและใบแดง เพราะฉะนั้นการให้ใบเขียวจึงเหมือนเป็นการรณรงค์ให้นักฟุตบอลเล่นกันอย่างแฟร์เพลย์ ไม่นอกกฎกติกาเสียมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะนอกจากการมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว การมีสปิริตคือสิ่งสำคัญอันดับต้นของการเป็นนักกีฬาที่ดี
หลายคนคงคิดว่าใบเขียวกับวงการฟุตบอลบ้านเราเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลกันมาก แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าสองสิ่งนี้จะขยับตัวเข้าใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว เพราะทางไมโล ประเทศไทย กำลังมีแคมเปญพิเศษ โดยจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลสำหรับเด็กและเยาวชนในชื่อ ‘ไมโล ฟุตซอล 2019 Road To Barcelona’ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันฟุตซอลสำหรับเด็ก และเยาวชนรายการใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมตั้งแต่รุ่นอายุ 7-15 ปี
เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของการจัดการแข่งขัน ครั้งนี้จึงมีความพิเศษมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา คือจะมีการประยุกต์กติกาให้มีการแจกใบเขียว หรือสามารถเรียกอย่างเท่ๆ ได้ว่า ‘ไมโล กรีนการ์ด’ ให้แก่นักกีฬาผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มีน้ำใจนักกีฬา และสำหรับ ไมโล ฟุตซอล 2019 Road To Barcelona ครั้งนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จะมีการแจกใบเขียวในเกมการแข่งขันระดับทัวร์นาเมนต์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการปลูกฝังความคิด สร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมให้เยาวชนไทยรู้จักการเล่นกีฬาอย่างมีสปิริต และเติบโตไปเป็นนักกีฬาที่ดี แถมหากนักกีฬาคนไหนที่ได้รับไมโล กรีนการ์ด ระหว่างการแข่งขัน ทางไมโลและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ก็จะออกเกียรติบัตรเพื่อเป็นการชื่นชมและเชิดชูเกียรติอีกด้วย
เห็นไหมว่า ‘สปิริต’ เป็นเรื่องสำคัญขนาดไหนสำหรับคนเป็นนักกีฬา แน่นอนว่านักกีฬาทุกคนเวลาลงแข่งขันย่อมต้องอยากเป็นผู้ชนะกันแทบทั้งนั้น แต่หากเราเอาชนะคู่แข่งได้ด้วยวิธีการเล่นที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎกติกามารยาท ชัยชนะที่ได้รับมามันก็คงไม่มีความหมายอะไร กลับกันถึงแม้ว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่หากเรามีสปิริตเล่นอย่างเต็มที่ ไม่ออกนอกกฎกติกาของการแข่งขัน ถึงจะพ่ายแพ้แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับการยกย่องเชิดชู สามารถเอาชนะใจคนดูได้
กีฬาไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม เปรียบเสมือน ‘ครู’ ของชีวิต เพราะมันสอนให้เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีน้ำใจนักกีฬา และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ซึ่งเราสามารถนำเอาสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และต่อยอดไปสู่ความสำเร็จอื่นๆ ได้อย่างมีคุณภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจการแข่งขัน สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bit.ly/2HiFvvi ใบสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน bit.ly/2HtfA38
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
