มิเกล อาร์เตตา เรียกมันว่า “ความรักของเกมรับ”
ความรักที่ทำให้ กาเบรียล มากัลเญส ระเบิดความสะใจออกมาหลังจากที่ไปบล็อกลูกยิงของ ชูเอา เปโดร กองหน้าไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดยเพื่อนๆ ทั้ง วิลเลียม ซาลิบา, จอร์จินโญ, เลอันโดร ทรอสซาร์ด, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ หรือ ดาบิด รายา ต่างมารุมปราการเหล็กชาวบราซิลด้วยความชื่นชม
ทั้งๆ ที่ต่อให้ลูกนี้ผ่านเขาเข้าไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้แล้ว เพราะอาร์เซนอลนำห่างถึง 3-0
เหตุการณ์ตัวอย่างแบบนี้แหละคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้อาร์เซนอลมีโอกาสอย่างจริงจังที่จะไปถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก
แบบที่โบราณเขาว่า “เกมรุกจะทำให้เราชนะ แต่เกมรับจะทำให้เราได้แชมป์!”
“สำหรับโค้ชทุกคนมันเป็นภาพที่น่ายินดีมากเลยนะที่ได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้จากทีมในตอนที่นำอยู่ 3-0” อาร์เตตากล่าวชมลูกทีมหลังคว้าชัยชนะได้ที่แดนใต้ของอังกฤษ ซึ่งทำให้พวกเขากลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง และจากการสะดุดของลิเวอร์พูลที่ทำได้แค่เสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าถึง 9 ประตู ทำให้กันเนอร์สเป็นจ่าฝูงอย่างเป็นทางการในเวลานี้
“มันเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันบ่งบอกว่าพวกเขาต้องการมันมากแค่ไหน มันบอกให้เห็นถึงความสำคัญและสมาธิที่พวกเขามีต่อทุกจังหวะการเล่น นี่เป็นเหมือนโบนัสพิเศษสำหรับเรา”
สิ่งเล็กๆ ที่อาร์เตตาเรียกว่าความรักในการเล่นเกมรับ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาร์เซนอลมาถึงจุดนี้ได้ นอกเหนือไปจากความสามารถในการคอนโทรลเกมยามที่บอลอยู่ในการครอบครองของพวกเขาเอง
ตลอดทั้งฤดูกาลพรีเมียร์ลีก อาร์เซนอลเสียไปเพียงแค่ 24 ประตูเท่านั้น น้อยที่สุดในลีก และตัวเลขที่น่าสะพรึงมากกว่าคือ นับตั้งแต่เข้าปี 2024 เป็นต้นมา พวกเขาลงเล่นเกมลีก 11 นัด เสียไปเพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้น
สกอร์ 3-0 เหนือไบรท์ตันเป็นการรักษาคลีนชีตได้เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันรวมทุกรายการ ซึ่งถ้ารวมช่วงของการต่อเวลาพิเศษในเกมแชมเปียนส์ลีกกับปอร์โต จะทำให้พวกเขาไม่เสียประตูติดต่อกันนานถึง 435 นาที
หัวใจสำคัญของผลงานนี้อยู่ที่การผนึกกำลังกันของคู่กองหลัง กาเบรียลกับซาลิบา ที่ตอนนี้คือคู่กองหลังที่ดีที่สุดในโลก โดยที่ด้านหลังของพวกเขาคือรายา ผู้รักษาประตูที่สงบนิ่งและตอบคำถามทุกคนว่า ทำไมเขาถึงควรเป็นมือหนึ่งแทน อารอน แรมส์เดล และด้านหน้ามี ดีแคลน ไรซ์ เสาหลักในแดนกลางที่ทำให้เกมรับของอาร์เซนอลแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า
เกมรับที่แข็งแกร่งขึ้นนี้เกิดจากการถอดบทเรียนของทั้งอาร์เตตาและลูกทีมทุกคน จากทีมที่บุกเป็นพายุบุแคมในฤดูกาลที่แล้วด้วยความเร้าใจจากการเล่นของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี, บูกาโย ซากา และ กาเบรียล เชซุส แต่สุดท้ายไปไม่ถึงฝัน
วันนี้อาร์เซนอลเปลี่ยนเป็นทีมที่เน้นความแข็งแกร่ง การจัดระเบียบ การรักษาวินัย และใส่ใจกับเกมรับมากขึ้นเป็นพิเศษ
สิ่งที่อาร์เตตาได้รู้จากฤดูกาลที่แล้วคือ ในเกมรุกพวกเขาสอบผ่านแล้ว จำนวนประตูที่ทำได้ถึง 88 ประตูนั้น สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบ 20 ปีหลังสุดที่จะยิงได้เฉลี่ย 85 ประตูต่อฤดูกาล
แต่เกมรับคือจุดบอด เพราะตลอดฤดูกาลที่แล้ว กันเนอร์สโดนส่องประตูถึง 43 ลูก ซึ่งเฉลี่ย 20 ปีที่ผ่านมา แชมป์พรีเมียร์ลีกจะเสียประตูไม่เกิน 29 ลูกเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้อาร์เตตามุ่งมั่นกับการคว้าตัวไรซ์มาจากเวสต์แฮมให้ได้ ในฐานะกองกลางที่เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่งโดยที่แทบไม่มีประวัติอาการบาดเจ็บใดๆ แม้จะต้องจ่ายเงินมหาศาลถึง 105 ล้านปอนด์ รวมถึงการสู่ขอรายามาจากเบรนท์ฟอร์ดในรูปแบบของการยืมตัวก่อน และจะซื้อขาดหลังจบฤดูกาลนี้ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์
อีกคนที่เสริมทัพเข้ามาคือ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ กองหลังอเนกประสงค์ แต่บังเอิญโชคร้ายได้รับบาดเจ็บรุนแรงตั้งแต่เปิดฤดูกาล และยังไม่สามารถกลับมาช่วยทีมได้ในเวลานี้
แต่การใช้เงินซื้อผู้เล่นไม่ใช่เรื่องเดียวที่อาร์เซนอลทำ สิ่งที่ทำมากกว่านั้นคือการจูนทัศนคติของทีมใหม่
เกมรับที่ดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่กองหลังคนไหน แต่อยู่ที่การช่วยกันของทั้งทีม
“กุญแจสำคัญคือ การที่ทุกคนพร้อมจะเหยียบมิดเพื่อไล่บอลในทุกจังหวะ” อาร์เตตาเผยถึงความลับของอาร์เซนอล “กองหน้าของเราทุกคน ปีกของเราทุกคน กองกลางตัวรุกทุกคน พวกเขารักที่จะเล่นเกมรับ”
ในช่วง 10 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2022/23 อาร์เซนอลเสียประตูเฉลี่ยถึง 1.7 ลูกต่อนัด แต่ในช่วง 10 นัดหลังสุดของพรีเมียร์ลีก ค่าเฉลี่ยในการเสียประตูลดลงมาเหลือแค่ 0.4 ลูกต่อนัด
และหากมองสถิติค่าเฉลี่ยการเสียประตูที่คาด (Expected Goals Against หรือ xGA) ในเกมพรีเมียร์ลีก 11 นัดหลังสุด นับตั้งแต่เข้าปี 2024 เป็นต้นมา สถิติของอาร์เซนอลดีที่สุดในลีก โดยอยู่แค่เพียง 4.98 (หรือ 11 นัดจะเสียแค่ประมาณ 5 ประตู)
ตัวเลขนี้เหนือกว่าแมนฯ ซิตี้และลิเวอร์พูลที่มีค่า xGA ที่ 12.28 และ 13.56 ตามลำดับ (หรือเฉลี่ยแล้วมีโอกาสเสียประตูนัดละ 1 ลูก) แบบคนละเรื่อง
และแม้แต่แมนฯ ซิตี้หรือลิเวอร์พูลก็ไม่สามารถเอาพวกเขาลงได้ ซึ่งนี่เป็นการส่งสัญญาณถึงทั้งสองทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไปด้วยในตัวว่า อาร์เซนอล ทีมที่พวกนายมองว่าชั้นไม่ถึงนั้น ตอนนี้ไม่ใช่แค่ทำได้ดีเท่า แต่กำลังทำได้ดีกว่าไปแล้ว ซึ่งไม่ได้พิสูจน์แค่เรื่องผลงาน แต่พิสูจน์ในเรื่องของความรู้สึกด้วย
จริงอยู่ที่ยังเหลือเกมอีก 7 นัดในพรีเมียร์ลีก ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ
แต่ด้วยเกมรับที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้ว่า อาร์เซนอลชุดนี้ – ซึ่งไม่ได้ดีแค่เกมรับด้วย แต่ยังมีแดนกลางที่สุดยอด (ยังไม่มีใครหยุด มาร์ติน โอเดการ์ด ได้สักคน) และแดนหน้าที่คงความอันตรายเสมอ – จะไปพลาดเสียท่าในเกมไหน
อาจมีแค่สิ่งเดียวที่อาร์เซนอลยังไม่ได้พิสูจน์ในฤดูกาลนี้คือ ความตายยาก การล้มแล้วจะลุกได้ไวและไหวแค่ไหน
ปัญหาก็คือ เกมรับแข็งโป๊กทำให้พวกเขาไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเสียที
แย่ชะมัด! อาร์เตตาไม่ได้กล่าวหรอก คนเขียนนี่แหละกล่าวเอง!
อ้างอิง: