วงการบันเทิงจีนเป็นอีกหนึ่งวงการที่มีศิลปินไทยไปโลดแล่นและสร้างผลงานไว้มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ศิลปินและนักแสดงชาวไทยที่ไปทำงานในจีนมามากกว่า 7 ปีแล้ว
ล่าสุด THE STANDARD POP ได้โอกาสพูดคุยอัปเดตชีวิตของไมค์ผ่านหน้าจอวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากประเทศจีน ซึ่งไมค์ได้เดินทางไปถ่ายทำรายการเรียลิตี้โชว์ของช่อง Mango TV ที่ชื่อว่า Call Me By Fire Season 2 ที่จะออกอากาศในเร็วๆ นี้
ระหว่างการพูดคุยเกี่ยวกับผลงานในประเทศจีน ไมค์ก็ได้เล่าถึงความแตกต่างในการทำงานของไทยกับจีนไว้ว่า
ไมค์: ในสายงานนักแสดงไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมาก แต่จะต่างกันที่ระบบ เช่น ที่ไทยละครเรื่องหนึ่งจะถ่ายทำกัน 3 วันต่อ 1 สัปดาห์ หรือมากสุด 4 วันต่อ 1 สัปดาห์ แล้วพัก แต่ที่จีนคือจะไม่มีพัก เขาจะถ่ายทุกวันต่อเนื่องกัน ระยะเวลาในการถ่ายซีรีส์หรือละครเรื่องหนึ่งก็จะยาวเลย ทุกคนในกองก็จะไม่ได้กลับบ้าน จะได้เข้าไปอยู่รวมกันที่หอ หรืออยู่ในที่เดียวกัน ตื่นมาก็คือถ่าย แล้วก็กลับไปนอนที่โรงแรม ทุกคนจะอยู่ที่เดียวกันหมดเลย
นอกจากการทำงานที่แตกต่างกันแล้ว ในฐานะชาวต่างชาติไมค์เองก็ต้องปรับตัวเข้าหาภาษาที่สามอย่างภาษาจีนด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าให้ฟังว่าเขาเพิ่งได้เริ่มเรียนภาษาจีนเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเน้นเรียนเพื่อการสื่อสารและการอ่านพินอิน (ระบบการถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐานด้วยอักษรละติน) ผ่านการพูดคุยกับครูวันละประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อพูดคุยและเรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ เป็นหลัก
ซึ่งจุดนี้ก็ทำให้เราค่อนข้างสงสัยว่าก่อนหน้านี้ไมค์ทำงานอย่างไรในเมื่อไม่สามารถอ่านภาษาจีนได้แม้แต่ตัวเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าให้เราฟังว่า
ไมค์: แต่ก่อนเวลาท่องบท ผมเขียนเป็นภาษาไทยแบบที่เข้าใจด้วยตัวเองแล้วเลียนเสียงเอา ซึ่งมันไม่ถูกหลักสักเท่าไร เลยเริ่มมาฝึกอ่านพินอิน ซึ่งตอนนี้อ่านได้แล้วประมาณ 80% ไม่ได้เต็มร้อย แต่จริงๆ ก็ไม่ได้โฟกัสที่พินอินเท่าไร ส่วนใหญ่ผมจะโฟกัสที่การพูดคุย การสนทนามากกว่า เพราะว่ามันเร่งรัดมาก ผมมีเวลาแค่ 3 เดือนในการเตรียมตัวก่อนที่จะไปเข้ารายการ
ชีวิตที่จีนของไมค์ก็ดูจะเป็นไปในแบบที่ดาราจีนทุกคนต้องเจอ เราเลยหันเหไปสนใจเรื่องส่วนตัวอย่างกิจกรรมนอกจากเวลางานของไมค์บ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็บอกคร่าวๆ ว่ามักใช้วันว่างในการทำงานอื่นๆ ที่ค้างไว้ ประชุมกับทีมงาน หรือไม่ก็เตรียมตัวถ่ายทำในครั้งต่อไป แต่ถ้าต้องกักตัวไม่มีอะไรทำเลยก็อาจจะไถอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ หาอะไรอ่านเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง กลายเป็นว่าวันว่างของไมค์ก็เลยไม่ได้ว่างเสียทีเดียว
ไมค์: เท่าที่จำความได้ ก็คิดว่าตัวเองยังไม่เคยว่างเลยเหมือนกัน
ในเมื่อชีวิตของไมค์ดูมีแต่งานไปหมด เราเลยได้โอกาสถามเกี่ยวกับผลงานชิ้นใหม่อย่างภาพยนตร์เรื่อง The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา ภาพยนตร์แนวปีศาจและสัตว์ประหลาดจากค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม ที่หยิบเอาตำนานปีศาจของไทยอย่าง ตะบองพลำ มาทำใหม่ภายใต้สถานการณ์โควิด ที่บีบบังคับให้บรรดาตัวละครต้องมากักตัวใน Hospitel สุดหลอน ซึ่งไมค์ก็เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการรับเล่นเรื่องนี้ว่า
ไมค์: ส่วนตัวผมรู้จักกับ พี่เต้ย-ชาลิต ไกรเลิศมงคล อยู่แล้ว พี่เขาเปิดบริษัททำ CG ชื่อว่า Fatcat Studios ซึ่งมีส่วนร่วมในการทำโปรเจกต์นี้ด้วย พี่เขาก็มาชวน อยากให้ผมไปร่วมโปรเจกต์นี้ เอา CG มาให้ดู มาเสนอว่านี่คือ CG ที่เคยทำมา ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าโอเคนะ แล้วคอนเซปต์ที่เขาอยากทำมันเป็นหนังแนวดาร์กๆ เกี่ยวกับปีศาจแล้วก็การกักตัวด้วย ซึ่งผมคิดว่ามันเชื่อมโยงกับปัจจุบันดี บวกกับช่วงนั้นอยู่ไทยด้วย มีเวลาแป๊บหนึ่งก่อนที่จะกลับจีน ก็เลยคิดว่าลองดูแล้วกัน เผื่อได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หรือว่าบทเรียนความรู้ใหม่ๆ กลับมา
พอพูดถึงบทเรียนใหม่ๆ หรือเรื่องใหม่ๆ ที่ได้ทำระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา ไมค์ก็แง้มๆ ออกมาสปอยล์เราว่า ส่วนที่เขาชอบที่สุดในการทำงานครั้งนี้คือการได้ออกแบบการต่อสู้กับตะบองพลำด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นซีนที่ต้องเล่นกับ CG ที่ใช้ทั้งอารมณ์ จินตนาการ บวกกับขวานในมือ เพื่อออกแบบซีนนี้
ไมค์: ผมชอบซีนที่ต้องจินตนาการว่าสู้กับตะขาบด้วยขวาน ประเด็นคือขวานนั้นเป็นของจริง มันเลยหนักมาก ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น Thor แต่ว่าซีนนั้นก็ค่อนข้างที่จะ Emotional เป็นการต่อสู้ที่ตัวละครต้องคลั่งด้วย ฟันไปด้วย สู้ไปด้วย คลั่งแบบไหน ยังสปอยล์ไม่ได้ ต้องไปดูกันในหนังครับ
เมื่อคุยกันมาถึงเรื่องปีศาจ เราเลยชวนไมค์คุยถึงสัตว์ประหลาดหรือปีศาจที่ชอบ ไมค์บอกว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบซอมบี้มากๆ
ไมค์: ผมเป็นแฟนคลับของพวกซอมบี้แล้วก็สัตว์ประหลาด เป็น Zombie Freak คนหนึ่งเลย พอมันจะมี CG เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดแนวๆ นี้ของไทย ก็เลยอยากไปมีส่วนร่วม แล้วก็อยากเห็นว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน
ในฐานะนักแสดงนำ ไมค์รับบทเป็น ลีโอ ชายหนุ่มเลือดร้อนที่เข้ามากักตัวในโรงแรมนี้พร้อมกับพ่อและน้องสาว ซึ่งไมค์ก็ได้อธิบายคาแรกเตอร์ของลีโอให้เราฟังว่า
ไมค์: ลีโอเป็นตัวละครที่มีปมเกี่ยวกับแม่ที่เสียไป แล้วก็โทษว่าเหตุการณ์นั้นเป็นความผิดของพ่อ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อหรอก แต่เขาแค่หาที่โยนความผิดให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นจากสูญเสียเท่านั้น ตัวละครนี้จึงเป็นตัวละครที่มีปัญหาทางจิตใจตั้งแต่เด็ก จนกลายเป็นคนที่มีสองบุคลิกโดยไม่รู้ตัว
พอได้พูดถึงตัวคาแรกเตอร์ลีโอ ทำให้เรานึกไปถึงบทสัมภาษณ์ของ เต้ย-ชาลิต ไกรเลิศมงคล ผู้กำกับของเรื่อง ที่เคยออกปากชมไว้ว่าไมค์เป็นคนที่ทำการบ้านดีมากๆ ซึ่งไมค์กลับบอกกับเราแบบขำๆ ว่า เขาไม่ได้ทำการบ้านกับตัวละครมากนัก เพียงแค่หยิบชิ้นส่วนความเป็นตัวเองมาประกอบกันจนกลายเป็นลีโอเท่านั้น
ไมค์: จริงๆ ไม่ต้องทำการบ้านอะไรเลย ก็แค่เล่นเป็นตัวเอง เพราะว่าตัวผมเองก็มี 20 คาแรกเตอร์ในตัวอยู่แล้ว (หัวเราะ) ผมเป็นคนที่คาแรกเตอร์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ว่าจะอยู่กับใคร สมมติว่าคุยกับนักข่าวก็จะเป็นคาแรกเตอร์หนึ่ง คุยกับคนใหม่ก็จะเป็นอีกคาแรกเตอร์หนึ่ง มันเป็นปกติของผมอยู่แล้ว ก็เลยเลือกเอาสักสองคาแรกเตอร์มาใช้กับการเป็นตัวละครนี้ แล้วทำการบ้านกับบทเอา ซึ่งในฐานะนักแสดง มันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ก็เลยไม่รู้ว่านี่นับเป็นการทำการบ้านหรือเปล่า
ตลอดการพูดคุย ไมค์ตอบคำถามเรื่องการทำงานกับเราอย่างสบายๆ และผ่อนคลายอยู่เสมอ แต่แม้ว่าเขาจะดูชิลกับการทำการบ้าน การเตรียมตัว และการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่ภายใต้ความธรรมดาของไมค์ เราได้เห็นความตั้งใจและพรสวรรค์บางอย่างที่ไมค์เองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งท่องบทภาษาจีนแม้ว่าจะอ่านไม่ออกสักคำ การหยิบคาแรกเตอร์ของตัวเองมาผสมเพื่อแสดง ไปจนถึงมุมมองการทำการบ้านที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเรียกว่าการทำการบ้านหรือไม่
ก่อนที่การสนทนาออนไลน์แบบข้ามประเทศจากจีนมายังไทยจะจบลง THE STANDARD POP เปิดโอกาสให้ไมค์ได้ขายของกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้แกมหยอกๆ ไว้ว่า
ไมค์: ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือผมครับ เพราะมีผมเล่น (หัวเราะ) แล้วก็มีนักแสดงคนอื่นด้วย ทุกคนทุ่มเทเต็มที่ตอนอยู่หน้าเซ็ต ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง หรือรุ่นเล็ก ทุกคนตั้งใจแล้วก็ทำมันออกมาได้ดีในบทบาทของตัวเอง ซึ่งที่น่าสนใจผมว่าเป็นเรื่องของ CG ที่ผมเองก็รอลุ้นอยู่เหมือนกัน เพราะยังไม่มีโอกาสได้เห็น ก็รอดูเซอร์ไพรส์พร้อมกับทุกคนครับ
ชมตัวอย่างภาพยนตร์ The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา ได้ที่