×

Microsoft ปิดบิ๊กดีล ทุ่มงบ 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซื้อกิจการ Activision Blizzard บริษัทเกมชั้นนำ เตรียมพร้อมเข้าสู่โลก Metaverse

19.01.2022
  • LOADING...
Microsoft

Microsoft บริษัทผู้พัฒนาและผลิตคอมพิวเตอร์กับระบบซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของ Activision Blizzard บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่ายเกมชั้นนำ เจ้าของเกมออนไลน์อย่าง Candy Crush, Call of Duty, Warcraft, Diablo และ Overwatch คิดเป็นมูลค่า 69,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.27 ล้านล้านบาท

 

นับเป็นข้อตกลงที่มีมูลค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ และข้อเสนอของ Microsoft ซึ่งเฉลี่ยราคาอยู่ที่ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ยังสูงกว่าระดับราคาของ Activision ในช่วงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึง 45 เปอร์เซ็นต์

 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า หากข้อเสนอซื้อกิจการครั้งนี้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ก็อาจกลายเป็นการควบรวมบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากที่บริษัทคอมพิวเตอร์ Dell เคยซื้อกิจการของบริษัทจัดเก็บข้อมูล EMC ด้วยวงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2016

 

ด้านแถลงการณ์ของ Microsoft ระบุว่า ข้อตกลงในครั้งนี้จะทำให้ Microsoft ขึ้นแท่นกลายเป็นบริษัทเกมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเมื่อพิจารณาจากสัดส่วนรายได้ และเป็นรองเพียงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Tencent และ Sony รวมทั้งช่วยสร้างโลกแห่งเทคโนโลยีเพื่อแข่งกับ Metaverse ของบริษัท Meta หรือเฟซบุ๊กเดิม ได้อีกด้วย

 

สำหรับเป้าหมายของการเข้าซื้อกิจการเป็นไปเพื่อชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดเกมออนไลน์และเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ให้กับทาง Microsoft ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจเกมมือถือ, PC Console, และ Cloud ของ Microsoft ให้ขยายตัวเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานของ Microsoft ให้เตรียมพร้อมตั้งรับกับโลกยุค Metaverse 

 

สัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการบริหารของ Microsoft กล่าวว่า อุตสาหกรรมเกมถือเป็นธุรกิจด้านความบันเทิงที่มีพลวัตความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ อีกทั้งเกมยังมีเอกลักษณ์ตรงนี้เป็นธุรกิจและกิจกรรมที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกแพลตฟอร์มของธุรกิจในทุกวันนี้ได้ อีกทั้ง Microsoft เล็งเห็นว่าเกมจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Metaverse 

 

อันเดร บาร์โลว์ จากบริษัทกฎหมาย Doyle, Barlow & Mazard PLLC. กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา Microsoft จะหลีกเลี่ยงความเคลื่อนไหวที่จะทำให้บริษัทตกเป็นเป้าความสนใจของรัฐ เหมือนเช่นกรณีของ Google และ Facebook แต่การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ในฐานะ 1 ใน 3 บริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิต Xbox จะทำให้ Microsoft ไม่อาจเลี่ยงความสนใจจากเจ้าหน้าที่รัฐไปได้

 

รายงานระบุว่า ข้อตกลงครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาประจวบเหมาะกับที่ทาง Activision กำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ เริ่มต้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วที่คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เข้าไปตรวจสอบบริษัท เนื่องจากข้อกล่าวหาที่บริษัทมีการประพฤติมิชอบและการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน โดยรัฐแคลิฟอร์เนียได้ฟ้องร้องบริษัทเกมแห่งนี้ว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะวัฒนธรรมแบบ ‘ชายล้วน’ ที่นำไปสู่การก่อกวน รังควาน และเลือกปฏิบัติต่อลูกจ้างผู้หญิง

 

Blizzard เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ทางบริษัทได้จัดการปลดพนักงานและหัวหน้างานจำนวนหนึ่งที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการคุกคามทางเพศและการเลือกปฏิบัติในบริษัทแล้วกว่า 40 คน

 

ขณะเดียวกันรายงานระบุว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ บ็อบบี้ โกทิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Activision Blizzard จะยังคงนั่งในตำแหน่งเดิมต่อไป โดยจะมุ่งเน้นที่การขยายตลาดวิดีโอเกมและรักษาจุดแข็งของบริษัทเอาไว้เป็นหลัก

 

ทั้งนี้ หลังข่าวการควบรวมกิจการครั้งนี้ได้รับการเปิดเผย ราคาหุ้นของ Activision Blizzard พุ่งขึ้นทันที 27 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเปิดตลาดวันอังคาร (18 มกราคม) ขณะที่ราคาหุ้นของ Microsoft ปรับตัวลดลงเกือบ 1 เปอร์เซ็นต์

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนับเป็นการตอกย้ำเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเกมของ Microsoft โดยเมื่อปีที่แล้ว Microsoft เพิ่งซื้อกิจการของ ZeniMax Media เจ้าของบริษัท Bethesda Softworks ผู้สร้างวิดีโอเกมชื่อดังอย่างเช่น The Elder Scrolls, Doom และ Fallout คิดเป็นมูลค่าลงทุน 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง Microsoft เชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นยอดสมัครสมาชิก Xbox Game Pass ของทางบริษัทได้

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X