เป็นเรื่องใหญ่อีกครั้ง เมื่อคอนเทนต์แนว Deepfake ที่สร้างโดย AI ปรากฏภาพล่อแหลมของ Taylor Swift กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว จนสร้างความเสียหายให้กับศิลปินหญิงระดับโลกคนนี้ โดยนิตยสาร The Verge รายงานว่า หนึ่งในภาพที่ถูกสร้างขึ้นมามียอดการมองเห็นถึง 45 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์ม X ในเวลาเพียง 17 ชั่วโมง ก่อนจะถูกลบออก
สำนักข่าวอิสระ 404 Media ได้ตามสืบกลุ่มที่เป็นตัวตั้งต้นของภาพดังกล่าวแล้วพบว่า กลุ่มนี้อยู่บน Telegram และมีการใช้เครื่องมือจาก Microsoft ในการสร้างภาพสำหรับบางกรณี แต่ทางบริษัทก็ยืนยันว่าเครื่องมือที่ใช้สร้างภาพจะไม่มีทางใช้รูปของบุคคลดังอย่างแน่นอน
ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดแจ้งว่าภาพล่อแหลมของ Taylor ถูกสร้างโดยใช้โปรแกรม AI ของบริษัทจริง แต่ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ผู้นำด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ NBC Nightly News ถึงประเด็นดังกล่าวว่า เพื่อหาคำตอบและแนวทางการป้องกัน
Satya ให้ความเห็นกับภาพล่อแหลมที่เริ่มแพร่กระจายมากขึ้น รวมทั้งกรณีที่เกิดกับ Taylor ว่า เป็นสิ่งที่ ‘ร้ายแรงและน่ากังวล’ พร้อมทั้งยังเสนอว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเราต้องเร่งเดินหน้ากำหนดกฎเกณฑ์อย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม คำตอบของซีอีโอ Microsoft ยังคงขาดความชัดเจน และเป็นเพียงคำแนะนำโดยรวมที่ยังไม่มีการลงรายละเอียด ซึ่งส่อให้เห็นถึงความท้าทายในปัญหา Deepfake ที่ยังไม่สามารถหาหนทางที่แน่ชัดว่าจะต้องป้องกันและแก้ไขอย่างไร
“ประเด็นแรกที่ผมมองคือ การทบทวนหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมถึงมาตรการป้องกันของเรา เพื่อทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย และในปัจจุบันก็มีทั้งสิ่งที่ทำไปเยอะแล้ว กับหลายสิ่งที่ยังรอดำเนินการอยู่ แต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของสังคมทั่วโลก เพราะถ้าเราสามารถทำให้กฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และแพลตฟอร์มเทคโนโลยี หันมาทำงานร่วมกัน นั่นจะเป็นจุดที่ทำให้ความชัดเจนในการดูแลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ” Satya กล่าว
อย่างไรก็ดี คำอธิบายนี้ทำให้ประเด็นคำถามค้างคาว่า แม้บริษัทบิ๊กเทคจะมีมาตรการป้องกันอย่างแน่นหนา แต่คนที่ไม่หวังดีก็สามารถหันไปหาเครื่องมือ Open-Source ที่เปิดกว้างอย่าง Stable Diffusion ในการทำสิ่งแบบนี้ได้ ต่อให้ยอดผู้ใช้งานแพลตฟอร์มจะค่อนข้างน้อยก็ตาม ซึ่งสิ่งที่เกิดกับ Taylor Swift ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างว่างานที่ออกมาจากกลุ่มเล็กๆ ก็สามารถถูกเผยแพร่ไปในวงกว้างได้ในชั่วพริบตา
นอกจากนี้ คำตอบของ Satya ที่บอกว่า โครงสร้างสังคมและระบบการเมืองจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่กฎหมายควบคุม AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่ขาดขอบเขตที่ชัดเจนและการขีดเส้นความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี รวมทั้ง Microsoft ก็ยังไม่ออกมาอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน อีกทั้งสถานการณ์โดยรวมก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทในเรื่องที่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการเผยแพร่ ‘ภาพล่อแหลมที่ไม่ได้มาจากการยินยอมของเจ้าตัว’ นั้นมีความท้าทายเป็นทุนเดิมในโลกก่อนปัญญาประดิษฐ์อยู่แล้ว
อ้างอิง: