ชาวสวีเดนและชาวเยอรมันจำนวนมากต่างตัดสินใจฝังไมโครชิปขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวไว้ใต้ผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนิยมฝังไว้บริเวณหลังฝ่ามือเพื่อใช้ชีวิตประจำวันให้ง่ายและสะดวกขึ้น ในปัจจุบันทั้งสวีเดนและเยอรมนีมีพลเมืองที่ฝังไมโครชิปดังกล่าวประเทศละกว่า 3,000 คน นับตั้งแต่ปี 2015 ที่ผ่านมา
ผู้ที่ฝังไมโครชิปจะสามารถเข้าออฟฟิศ เข้ายิม ซื้ออาหารจากเครื่องขายอัตโนมัติ หรือขึ้นรถไฟโดยไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋ว กุญแจ หรือคีย์การ์ดใดๆ โดยใน 1 ปีที่ผ่านมามีผู้โดยสารมากกว่า 130 คนเข้าสู่ระบบจองตั๋วรถไฟขนส่งสาธารณะแห่งชาติสวีเดนผ่านทางไมโครชิปดังกล่าว และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบไมโครชิปดังกล่าวอาจจะต่อยอดไปจนถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะในประเทศสวีเดนที่กำลังกลายเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เกือบจะสมบูรณ์แล้วแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งในปีที่ผ่านมา ปริมาณธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ในระบบเศรษฐกิจของสวีเดนลดต่ำลงและถูกใช้น้อยมากในรอบเกือบ 30 ปีนับตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งผลการสำรวจประจำปีของ Insight Intelligence พบว่าชาวสวีเดนกว่า 36% เลิกใช้จ่ายด้วยเงินสดแล้ว และหันมาทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัตรและสมาร์ทโฟนกันเพิ่มมากขึ้น มีเพียง 25% เท่านั้นที่ใช้เงินสดอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
ในส่วนของระบบความปลอดภัย แม้จะยังพอมีช่องโหว่อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยมาก อีกทั้งยังมีหน่วยงานจัดการด้านความปลอดภัยดูแลและป้องกันเรื่องข้อมูลรั่วไหลอย่างเป็นระบบ ทางด้าน สเวน เบกเกอร์ หัวหน้า I am Robot องค์กรเดียวที่จัดจำหน่ายไมโครชิปดังกล่าวในเยอรมนีเผยว่าการฝังไมโครชิปดังกล่าวจะทำให้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น โดยราคาไมโครชิปดังกล่าวอยู่ที่ 59.90-79.90 ยูโร (ราว 2,300-3,000 บาท)
อ้างอิง:
- www.euronews.com/2018/06/06/thousands-are-getting-microchip-implants-in-germany-and-here-s-why
- www.euronews.com/2018/05/31/microchips-are-getting-under-the-skin-of-thousands-in-sweden
- www.businessinsider.com/swedish-people-embed-microchips-under-skin-to-replace-id-cards-2018-5
- www.bloomberg.com/news/articles/2018-02-18/-no-cash-signs-everywhere-has-sweden-worried-it-s-gone-too-far