หนึ่งในนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและมักจะถูกพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่งในวงการการลงทุนคงหนีไม่พ้น Michael Burry นักลงทุนสายชอร์ต (Short) ที่บริหารเฮดจ์ฟันด์ Scion Asset Management และเคยทำเงินได้อย่างมากมายจากการคาดการณ์วิกฤต Subprime ในช่วงปี 2008 – 2009 ได้อย่างถูกต้อง จนถูกนำไปทำภาพยนตร์เรื่อง THE BIG SHORT
ไม่เพียงเท่านั้น Burry มักจะออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์การลงทุนผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเองอย่างต่อเนื่อง หลายครั้งก็สร้างความตื่นกลัวให้ตลาดแต่กลับไม่มีเหตุการณ์เหมือนกับที่เขาว่า และ Burry ก็ต้องเสียเงินจากการทำนายผิด ก็มีเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นเอง Burry ก็นับได้ว่าเป็นนักลงทุนแนวเน้นคุณค่า อยู่เช่นกันเพราะเขาจะมุ่งเน้นซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ถูกกว่ามูลค่า แล้วไปขายตอนที่ทุกคนกลับมาตระหนักในมูลค่าของสินทรัพย์นั้นๆ
ในบทความนี้ทางทีมงาน THE STANDARD WEALTH จะพาไปสำรวจพอร์ตการลงทุนของ Michael Burry (Scion Asset Management) ช่วงไตรมาส 2 ปี 2025 นี้ว่าเป็นเช่นไร
จากรายงาน 13F Filing ของ Scion Asset Management ของ Burry พบว่า กว่า 90.27% ของพอร์ตการลงทุนมูลค่า 578 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 19,000 ล้านบาท เป็น Call Option ทั้งหมด มีเพียงแค่ 10% ที่เป็นการถือหุ้นสามัญ
โดยสินทรัพย์ที่ Burry นำเข้าพอร์ตและถือครองไว้เป็นอันดับ 1 ก็คือ United Health Group (UNH) Call Option ซึ่งเป็นบริษัทประกันชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ราคาร่วงกว่า 50% นับจากต้นปี ตัวเดียวกับที่ Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett เก็บเข้าพอร์ตเช่นกัน
พอร์ตการลงทุนของ Burry จะค่อนข้างกระจุกตัว และแสดงถึงความมั่นใจในการลงทุนพอสมควรเพราะด้วยขนาดพอร์ต 19,000 ล้านบาท แต่สินทรัพย์กว่า 73.3% อยู่ใน Call Option เพียง 5 ตัวเท่านั้น ได้แก่ United Health Group (UNH) – Call option, Regeneron Pharmaceuticals (REGN) – Call option, Lululemon Athletica (LULU) – Call option, Meta Platforms (META) – Call option, Estee Lauder (EL) – Call option
อ้างอิง: