MIB: International คือการเริ่มสานต่อแฟรนไชส์ไตรภาคของหน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาลอย่าง MIB หรือ Men In Black ที่สร้างให้คู่หู Agent K (ทอมมี ลี โจนส์) และ J (วิล สมิธ) กลายเป็นตำนานสายลับปราบเอเลี่ยน ก่อนที่จะปิดฉากลงไปใน MIB 3 เมื่อปี 2012
ในภาคนี้จะเป็นการขยายจักรวาล ‘สายลับชุดดำ’ ที่เคยมีพื้นที่ปฏิบัติการส่วนใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก ด้วยการส่ง Agent เจเนอเรชันใหม่ออกปราบปรามเอเลี่ยนทั่วโลก และได้ เอฟ. แกรี เกรย์ เจ้าของผลงาน The Italian Job และฉากแอ็กชันมันๆ ใน Fast & Furious 8 มาร่วมสร้างตำนานบทใหม่ครั้งนี้
เนื้อเรื่องโฟกัสไปที่ภารกิจตามหาไส้ศึกในองค์กร MIB ลอนดอนระหว่าง Agent M (เทสซา ทอมป์สัน) หญิงสาวมากไหวพริบที่มีความฝันอยากเป็น MIB มาตั้งแต่เด็ก และ Agent H (คริส เฮมส์เวิร์ธ) อดีตสายลับในตำนานที่กลายเป็นคนขี้โม้ หยิ่งผยอง และไร้ประสิทธิภาพ โดยมี มอแอต เอเลี่ยนที่มีพลังควบคุมสสารรอบตัวเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ต้องจัดการ
ภาพรวมของ MIB: International เป็นหนังที่ถ้าไม่ต้องคิดอะไรมากก็สามารถใช้คำว่า ‘สนุก’ ได้แบบไม่เขินปาก เริ่มตั้งแต่ฉากแอ็กชันที่อลังการ ผาดโผน และแปลกหลุดโลกขึ้นเยอะ เมื่อได้ เวด อีสต์วูด จาก Mission: Impossible – Fallout มาช่วยดูแลฉากแอ็กชันโดยเฉพาะ อย่างในฉากที่ H และ M หลบหนีการตามล่าด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์อวกาศลอยเหาะกลางเมืองก็เพิ่มความตื่นตาตื่นใจตามยุคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีอาวุธสุดล้ำชิ้นใหม่อย่างปืนพลังอนุภาคดาวเคราะห์ที่ทำลายล้างดาวเคราะห์ได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วสัมผัส และที่ขาดไม่ได้คือการกลับมาของ De-Atomizer ปืนพลาสมาพลังทำลายล้างสูงเพื่อเอาใจแฟนคลับภาคก่อนๆ ที่ถึงแม้จะย้ายมาอยู่ในมือสายลับรุ่นใหม่อย่าง H แต่ก็ยังรักษาเสน่ห์และความเท่ที่หลายคนคิดถึงได้ดีเหมือนเดิม
ไม่ใช่แค่ฉากแอ็กชันล้างผลาญด้วยอาวุธสุดไฮเทค MIB: International ยังให้ความสำคัญกับการต่อสู้ด้วยมือเปล่าระหว่าง M และริซา (รีเบกกา เฟอร์กูสัน) นักค้าอาวุธเอเลี่ยนที่ออกแบบคิวบู๊ได้ลื่นไหล รวมทั้งนักแสดงสาวทั้งสองคนก็โชว์ศิลปะการต่อสู้ได้อย่างเนียนตาจนกลายเป็นอีกหนึ่งฉากที่น่าจดจำที่สุดในเรื่อง
ส่วนที่บอกว่าสนุกถ้า ‘ไม่คิดอะไรมาก’ เพราะปัญหาใหญ่ของ MIB: International คือความไม่ละเอียดในการเล่าเรื่องที่กระโดดไปมา ไม่ปะติดปะต่อ จนทำให้เกิดความสับสนอยู่หลายๆ ครั้ง เช่น ความทรงจำของ H ที่ถูกลบไป ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แต่ไม่ได้มีการขยายความเพิ่มเติม หรือประเด็น ‘ตัวร้าย’ คนสำคัญที่ไม่มีการบอกให้เชื่อถึงเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจให้เราเชื่อได้มากพอ
ไปจนถึงเอเลี่ยนประจำภาคอย่างมอแอตที่ออกแบบตัวละครได้มีเสน่ห์ มีประเด็น มีพลัง และเอกลักษณ์ที่น่าสนใจมากๆ แต่กลับมีบทบาทและถูกพูดถึงน้อยจนกลายเป็นแค่ตัวประกอบธรรมดาๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหนังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปลงรายละเอียดกับ ‘มุกตลก’ ซึ่งเข้าใจได้ว่านี่คือลายเซ็นสำคัญที่คนดูอยากเห็นมาตลอดจากแฟรนไชส์ MIB แต่การพยายามใส่มุกเล็กมุกน้อยมาตลอดเวลา (มีทั้งขำและไม่ขำ) ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความ ‘ยัดเยียด’ เสียงหัวเราะให้แบบไม่มีเหตุผลอะไร นอกจากการใส่ความเป็นสายลับรุ่นเก๋าของ L และ K ลงไปในรุ่นน้องอย่าง H และ M เท่านั้น
แต่ยังถือว่าโชคดีที่ทีมงานแคสต์นักแสดงมารับบท Agent H และ M ได้อย่างถูกต้อง เพราะเคมีที่ลงตัวของ คริส เฮมส์เวิร์ธ และเทสซา ทอมป์สัน นั้นฉายแววมาตั้งแต่บทบาทเทพเจ้าสายฟ้าและแม่ทัพวัลคีรีใน Thor: Ragnarok
พอจับมาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ในชุดสีดำสุดเท่ ทั้งสองคนก็ยังรับส่งมุก บทสนทนา และฉากแอ็กชันได้อย่างยอดเยี่ยมแบบไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ถึงแม้ในเรื่องจะเป็นคู่หูที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่ก็มีความเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทั้งคู่ไม่ใช่แค่ทำงานร่วมกันในจอภาพยนตร์ แต่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันในชีวิตจริงอีกด้วย และเวลาที่ H และ M อยู่ด้วยกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของ MIB: International ชนิดที่ว่าถ้าลองเปลี่ยนเป็นนักแสดงคู่อื่น การสานต่อตำนานสายลับชุดดำอาจเละเทะไม่เป็นท่ายิ่งกว่านี้ก็ได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์