วันนี้ (21 กันยายน) รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พร้อม สส. พรรคก้าวไกล ร่วมกันยื่นร่าง พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เข้าสภา สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา สืบเนื่องมาจากการตั้งกระทู้ถามสด สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งหยิบยกปัญหาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างยาวนาน
อีกทั้งยังมีการประกาศใช้ในสถานการณ์ทางการเมืองหลายครั้ง และใช้ในช่วงสถานการณ์โควิด โดยใช้ในลักษณะการปราบปรามผู้ชุมนุมเห็นต่างทางการเมือง การประกาศใช้ปราศจากการถ่วงดุลตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร ปัญหาทั้งหมดที่มีจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้มีกฎหมายทำให้สภาสามารถตรวจสอบฝ่ายบริหาร มีสาระสำคัญดังนี้
- การประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ฉบับนี้ ยังคงอำนาจนายกรัฐมนตรีในการประกาศ แต่มีเงื่อนไขต้องขออนุมัติ ครม. ภายใน 3 วัน และต้องขออนุมัติจากสภาภายใน 7 วัน เพื่อให้ สส. ตรวจสอบ
- ในการขออนุมัติจากสภา รัฐบาลต้องทำแผนชี้แจงเพื่อให้เห็นว่าจะแก้วิกฤตสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไร เพราะที่ผ่านมาสภาไม่เคยรับรู้
- พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปัจจุบัน ศาลปกครองไม่มีอำนาจตรวจสอบ แต่ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ฉบับนี้ให้อำนาจประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สามารถร้องศาลปกครองว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีเหตุให้ประกาศหรือไม่
- ในกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากเป็นการใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ไม่สามารถดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้ แต่ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ฉบับนี้ หากการใช้อำนาจนั้นเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเสียหาย สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า เราต้องย้ำหลักการเสนอกฎหมายหลักการสากลเพื่อนำไปสู่การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพควบคู่กับการใช้อำนาจพิเศษ โดยหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อน สส. โดยเฉพาะ สส. เพื่อไทย แม้วันนี้พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลแล้ว หวังว่าจะไม่ทำให้จุดยืนเรื่องนี้เปลี่ยนไปจากที่เคยสนับสนุน
ขณะที่ รอมฎอน ปันจอร์ สส. ก้าวไกล เน้นย้ำความสำคัญกฎหมายฉบับนี้ หวังเพื่อน สส. โดยเฉพาะ สส. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีฉันทมติร่วมกันในร่างกฎหมายฉบับนี้ คาดหวังว่ากฎหมายจะเปลี่ยนโฉมหน้าระบบราชการของประเทศ
รังสิมันต์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยังมีอำนาจใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่ สามารถใช้ควบคู่กับร่างกฎหมายที่เสนอเข้าสู่สภาฉบับนี้ ให้อำนาจรัฐสภาตรวจสอบความจำเป็นในการประกาศ ซึ่งกำหนดไว้ 30 วัน และสามารถต่ออายุได้ โดยประเทศต่างๆ ก็เป็นเช่นนี้