วันนี้ (3 ตุลาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปรากฏในรายงานข่าวเมื่อวานนี้ (2 ตุลาคม) ว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ระบุว่า พรรคก้าวไกลได้ตอบรับเข้าร่วมคณะกรรมการศึกษาฯ แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ส่งรายชื่อ
พริษฐ์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องชี้แจงว่าเรายังไม่ได้ตอบรับเข้าร่วมคณะกรรมการศึกษาฯ ดังกล่าว ทางตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยได้ประสานมาที่ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว และชัยธวัชได้แจ้งกลับไปว่า จะนำมาหารือกับ สส. พรรค ซึ่งจะประชุมกันในวันนี้ ก่อนจะกลับมาให้คำตอบ
โดยเหตุผลหลักที่พรรคก้าวไกลยังไม่ตอบรับเข้าร่วม เพราะพรรคยังไม่ได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายหรือกรอบของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการศึกษาฯ ชุดนี้จะยึดถือ เพื่อใช้เป็นหลักสำหรับการหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องประชามติ
ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่า หลักการพื้นฐานที่พรรคก้าวไกลยึดถือและมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย คือ
- จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ใช่การแก้ไขเพียงบางหมวดหรือบางมาตรา
- จัดทำโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่ใช่ สสร. ที่มีส่วนผสมของการแต่งตั้ง
ทั้ง 2 หลักการนี้ไม่เป็นแต่เพียงจุดยืนของพรรคก้าวไกล แต่ยังเป็นข้อสรุปที่หลายฝ่ายทางการเมืองเคยมีร่วมกัน ผ่านทั้งผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ในปี 2562-2563 ที่ได้ข้อสรุปว่า ส่วนใหญ่เห็นตรงกันให้ ‘มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่’ โดย ‘สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากประชาชน’ อยู่ในหน้า 122 ของรายงาน
รวมถึงผลการลงมติของรัฐสภาต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในปี 2563-2564 โดยในวาระที่ 1 สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบ 2 ร่างที่จะนำไปสู่การมี สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ด้วยคะแนน 88% และ 79% ตามลำดับ ส่วนวาระที่ 2 สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
พริษฐ์กล่าวว่า หากทางรัฐบาลยังไม่ยืนยันว่าการทำงานและการหารือของคณะกรรมการศึกษาฯ จะอยู่ภายใต้ 2 หลักการสำคัญดังกล่าว พรรคก้าวไกลมีความกังวลว่าคณะกรรมการศึกษาฯ ชุดนี้ (ซึ่งมีองค์ประกอบของตัวแทนจากรัฐบาลหรือคนที่รัฐบาลทาบทามเองเป็นส่วนใหญ่) อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการย้อนหลักการสำคัญที่เคยได้ข้อสรุปร่วมกันมาก่อนแล้วเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่หากทางรัฐบาลยืนยันว่า การทำงานและหารือของคณะกรรมการศึกษาฯ จะอยู่ภายใต้ 2 หลักการสำคัญนี้ ตนเชื่อว่า สส. พรรคก้าวไกล จะยินดีให้ตัวแทนพรรคเข้าร่วมเพื่อให้ความเห็นและทำงานร่วมกัน เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องแนวทางการทำประชามติ เช่น จำนวนครั้ง กรอบเวลา คำถาม และแนวทางด้านอื่นๆ เช่น จำนวน สสร. และกรอบเวลาทำงานของ สสร.