คืนวันศุกร์ที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นประเทศเม็กซิโก เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันรั่วบริเวณเม็กซิโกตอนกลางจนเกิดเป็นระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย บาดเจ็บรวมอีกกว่า 71 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการปฐมพยาบาลและนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าสาเหตุของการรั่วไหลของท่อส่งน้ำมันในครั้งนี้เป็นผลมาจากความพยายามของการขโมยเชื้อเพลิงโดยอาชญากร ขณะที่หลังจากน้ำมันได้รั่วไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ภาพจากกล้องวิดีโอยังพบว่าชาวบ้านที่อาศัยในละแวกใกล้เคียงพยายามนำภาชนะต่างๆ มาเก็บน้ำมันที่รั่วไหลออกไป ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ โอมาร์ ฟาเยด ผู้ว่าราชการรัฐอีดัลโก เปิดเผยว่าก่อนจะเกิดเหตุระเบิด ประชาชนท้องถิ่นได้พยายามมาเก็บน้ำมันบริเวณดังกล่าว
เฟอร์นานโด การ์เซีย ผู้เห็นเหตุการณ์วัย 47 ปีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP ว่า “ผมออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นมันก็ระเบิด ผมพยายามออกไปช่วยคนอื่นๆ และเดินผ่านร่างของผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่ถูกเผาไหม้”
ทั้งนี้นายฟาเยดยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ และได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลัง โดยหลังเกิดเหตุประธานาธิบดีของเม็กซิโก อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ได้เดินทางไปลงพื้นที่ด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวข้อความแสดงความเสียใจผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว
พร้อมกันนี้ AFP ยังเชื่ออีกด้วยว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงจากความพยายามของรัฐบาลกลางที่กำลังเดินหน้ายกระดับการแก้ปัญหาการโจรกรรมเชื้อเพลิง ซึ่งคาดการณ์กันว่าได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศเม็กซิโกราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐตลอดทั้งปี 2017
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
