วันนี้ (15 สิงหาคม) ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีครอบครองอาวุธปืน หมายเลขดำ อ.1395/63 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง เมธี อมรวุฒิกุล หรือ ณชิต อำนาจเดชานนท์ อายุ 51 ปี อดีตนักแสดงชื่อดัง และอดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาวุธปืนฯ
อัยการโจทก์ระบุฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารบก สังกัดกองทัพบก ผู้เสียหาย ได้เข้าขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำอาวุธปืนเล็กกล TAVOR-21 ขนาด 223 (5.56 มม.) พร้อมซองกระสุนปืน ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ อีกรวม 11 รายการ ของผู้เสียหาย ที่นำติดตัวไปใช้ในราชการด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารบกเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. แล้วมีกลุ่มคนร้ายจำนวนหลายคนได้บังอาจร่วมกันซึ่งเอาทรัพย์ไปในเวลากลางคืน เอาอาวุธปืนเล็กกล TAVOR-21 จำนวน 13 กระบอก ซองกระสุนปืน 50 ซอง ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งอาวุธปืนเล็กกล ขนาด 223 (5.56 มม.) TAVOR-21 หมายเลขประจำปืน 38554046 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนจำนวน 5 ซอง ราคารวม 69,313 บาท ของผู้เสียหาย ไปโดยทุจริต
ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 05.45 น. ภายหลังร่วมกันชิงอาวุธแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ พร้อมอาวุธปืนเล็กกล TAVOR-21 ขนาด 223 (5.56 มม.) หมายเลขประจำปืน 38554046 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืนจำนวน 5 ซอง อันเป็นทรัพย์บางส่วนของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายร่วมกันซึ่งเอาทรัพย์ไปในเวลากลางคืน ได้จากจำเลย พร้อมกระสุนจำนวน 92 นัด อาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ (Smith & Wesson) ขนาด .38 Special หมายเลขทะเบียน กท 1942456 จำนวน 1 กระบอก ของผู้อื่น พร้อมกระสุนปืน 41 นัด ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ที่จำเลยกับพวกขับมา เจ้าพนักงานตำรวจจึงยึดทรัพย์ทั้งหมดไว้เป็นของกลาง นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอันเป็นอาวุธซึ่งมีกลไกการยิงแบบปืนกล (Full Automatic) หรือยิงเป็นชุด ซึ่งถือเป็นอาวุธปืนที่มีชนิดและขนาดนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 56 ที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เหตุเกิดที่แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีประจักษ์พยานเป็น พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ และเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจำเลยได้พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่อยู่ภายในรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน ซึ่งจำเลยเป็นคนขับกลับมาที่คอนโดมิเนียมย่านคลองสาน เชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความไปตามจริงโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ส่วนที่จำเลยอ้างว่ารถกระบะดังกล่าวยืมมาจากคนรู้จักประมาณ 1 เดือนก่อนวันเกิดเหตุเพื่อนำมาขนอาหารสัตว์ โดยไม่ทราบว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอยู่ภายในรถ และอาจจะเป็นอาวุธปืนของบุคคลอื่นนั้นฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 78 จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี และให้ริบกระสุนปืนของกลาง
ภายหลังฟังคำพิพากษา เมธี จำเลย ได้ให้ทนายความยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 3 แสนบาท เพื่อประกันตัวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
ขณะที่เมธีกล่าวก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า ที่มาฟังผลคำตัดสินในคดีอาวุธสงครามวันนี้ ตนไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย เพราะตนจะเอาปืนมาจากไหน ตนเป็นดารานักแสดง ซึ่งวิธีการนี้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่คนเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์มักจะโดน ซึ่งศาลก็มีการยกฟ้องไปหลายคดีในเรื่องอาวุธปืนสงคราม อย่างคดีของลูกน้อง เสธ. แดง ก็ยกฟ้องไปแล้วประมาณ 4 คดี ล่าสุดคดีของ พล.ท. มนัส เปาริก ก็เพิ่งจะยกฟ้องไป ตนก็หวังว่าความยุติธรรมจะคืนมาให้กับตน เพราะตนถูกฟ้องคดีเยอะ โดนทั้งฝ่ายเสื้อแดงในปี 2553 มาบอกว่าตนเอาคดีไปแลก ทรยศ มีแกนนำออกมาว่าตน ไม่มีหรอกที่จะเอาคดีไปแลก ตนโดน 13 คดีเต็มๆ ประกันตัวตั้ง 2 ล้านบาท แต่ไม่เป็นไร ฝั่งผู้มีอำนาจเองก็ยัดคดีมาให้ตนอีก ตนจะทำอะไรได้ ก็ได้แต่รับอย่างเดียว หวังว่าศาลท่านจะเมตตากรุณาว่าอะไรคือข้อเท็จจริง อย่างที่เรียนให้ทราบว่าตนเป็นนักแสดง เป็นประชาชนคนหนึ่ง จะนำปืนมาจากไหน ปืนที่เป็นอาวุธสงคราม ตนจะเอามาอย่างไร ตนต้องไปปล้นที่ไหนมา แต่ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องของระบบการกล่าวหา เราก็ต้องสู้กันเรื่องข้อเท็จจริง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามการเตรียมเรื่องหลักทรัพย์ประกันตัว เมธีกล่าวว่า ตนประกันตัวไป 250,000 บาทแล้วเมื่อครั้งตอนโดนจับ หากศาลมีคำสั่งลงโทษ ตนอาจจะใช้หลักทรัพย์เดิม แต่อาจจะเพิ่มหลักทรัพย์ขึ้น แต่เมื่อคืนก็นอนหลับดี