เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของสหภาพยุโรปและคำตัดสินของศาล ที่มีข้อจำกัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล Meta กำลังใคร่ครวญการเปิดตัว Facebook และ Instagram เวอร์ชันที่ไม่มีโฆษณา แต่จะต้อง ‘จ่ายเงิน’ แทนในรูปแบบ Subscription
แม้ว่ารายละเอียดจะยังคงเป็นความลับ แต่แหล่งข่าวกล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและการตรวจสอบด้านกฎระเบียบจากเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป
การพัฒนานี้เกิดขึ้นหลังจากการถูกปรับและมีข้อจำกัดจำนวนมากต่อยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้ อย่างเช่น ศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปได้ป้องกันไม่ให้ Meta รวบรวมข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้
และยังมีการปรับเงินเป็นตัวเลขที่สูงถึง 390 ล้านยูโร จากการกำหนดให้ผู้ใช้ยอมรับโฆษณาส่วนบุคคลเพื่อใช้ Facebook คำตัดสินเหล่านี้เป็นผลทั้งหมดของกฎระเบียบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (GDPR) ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลสำคัญของสหภาพยุโรปที่มีผลบังคับใช้ในปี 2018
โครงการลับๆ นี้อาจทำให้พลเมืองสหภาพยุโรปได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่แตกต่างจากผู้ใช้ในส่วนอื่นๆ ของโลกในไม่ช้า
สิ่งที่น่าสนใจคือ แนวทางการกำกับดูแลถูกกำหนดให้พัฒนาต่อไป กฎหมายเทคโนโลยีของสหภาพยุโรปอีกฉบับหนึ่งคือพระราชบัญญัติการตลาดดิจิทัล ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2024 โดยกำหนดให้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีหลักๆ ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจบางอย่างเพื่อส่งเสริมการแข่งขัน กฎหมายนี้คาดว่าจะมีผลกระทบในวงกว้าง แม้กระทั่งบังคับให้ Apple อนุญาตให้ผู้ใช้ในสหภาพยุโรปดาวน์โหลดแอปที่ไม่ได้มาจาก App Store ได้
การเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิบัติตามกฎระเบียบแสดงให้เห็นว่า บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Meta เริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาลมากขึ้น แทนที่จะกำหนดเงื่อนไขเอง
ในแง่ของรายได้ ยุโรปเป็นตลาดที่มีกำไรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 สำหรับ Meta รองจากอเมริกาเหนือ ซึ่งคิดเป็น 10% ของธุรกิจโดยรวมของบริษัท ซึ่งมีมูลค่ารวมเกือบ 1.17 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของบริษัทไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงด้านกฎระเบียบหรือจำกัดอยู่เฉพาะในยุโรปเท่านั้น Meta มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงรูปแบบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังลงทุนอย่างมากในโครงการในอนาคต เช่น Metaverse ซึ่งยังเป็นที่กังขาว่าจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่?
อ้างอิง: