มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta หรือชื่อเดิม Facebook จะเปิดให้สาธารณชนทั่วโลกได้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทันสมัยที่สุดแบบฟรีๆ โดยเทคโนโลยีนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะมืออาชีพในสายงานเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงผู้ที่ชื่นชอบและนักพัฒนาทั่วโลก เจตนารมณ์ครั้งนี้อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอาจทำให้ Meta มีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งอย่าง Google และ Microsoft
องค์ประกอบสำคัญของความคิดริเริ่มนี้คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า Llama 2 ซึ่งโดยพื้นฐานคือ โค้ดที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีนี้สามารถคัดลอก แก้ไข และนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างอิสระโดยใครก็ตามที่ต้องการทำเช่นนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้น Microsoft พุ่งทำนิวไฮ ขานรับการประกาศราคาสมัครใช้บริการ Microsoft 365 AI
- ซีอีโอเทคดังเผย อุตสาหกรรม AI อาจดึงเงินลงทุนสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ก็เสี่ยงจะเป็นฟองสบู่ลูกใหญ่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
- อีลอน มัสก์ หวังสร้าง xAI ให้เข้าใจจักรวาล พร้อมให้ทำงานร่วมกับ Twitter และ Tesla เพื่อสู้ศึกกับคู่แข่งอย่าง OpenAI
ซอฟต์แวร์นี้มีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการสร้างแชตบอตออนไลน์ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อจำลองการสนทนาของมนุษย์และใช้ในบริบทที่หลากหลาย ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงความบันเทิง ตัวอย่างของแชตบอตดังกล่าวคือ ChatGPT ยอดนิยมของ OpenAI
การเปิดตัว Llama 2 ยังอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่าใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่เพียงมีอิสระในการใช้และปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นรากฐานในการสร้างธุรกิจของตนเองได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของ Meta คือความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีมีการปรับปรุงเร็วขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีผู้คนจำนวนมากขึ้นมีโอกาสที่จะทำงานร่วมกับมัน ทดลอง และระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ดังนั้นการขยับตัวในครั้งของ Meta เชิญชวนชุมชนนักพัฒนาทั่วโลกให้ระบุปัญหา แนะนำการแก้ไข และผลักดันขอบเขตของสิ่งที่เทคโนโลยีสามารถทำได้ Meta หวังว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นการทดลอง นวัตกรรม และความก้าวหน้าในด้าน AI
ในอีกทางหนึ่งนักวิจารณ์กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึง AI ได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่หากไม่มีการป้องกันอย่างที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Google และ Microsoft มีไว้เพื่อควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตราย AI ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเสรีอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด พวกเขากลัวว่าอาจถูกใช้เพื่อทำให้อินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยข้อความสแปม การหลอกลวงทางการเงิน หรือข้อมูลที่เป็นเท็จ
เพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลเหล่านี้ ผู้บริหารของ Meta ให้เหตุผลว่ากลยุทธ์ของพวกเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความเสี่ยงอย่างที่คิด พวกเขาชี้ให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยข้อมูลที่บิดเบือนและคำพูดแสดงความเกลียดชังซึ่งสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ AI เสียด้วย
เนื้อหาที่เป็นอันตรายนั้นสามารถควบคุมและจำกัดอย่างเข้มงวดโดยโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook นอกจากนี้ พวกเขาเชื่อว่าการเปิดตัวเทคโนโลยีและอนุญาตให้ผู้อื่นใช้งานจะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับการใช้ซอฟต์แวร์ในทางที่ผิด
ภาพ: Chip Somodevilla / Getty Images
อ้างอิง: