เมื่อมองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นกับความจริงที่ว่าฟุตบอล ‘โคปา อเมริกา’ เกือบไม่ได้จัดการแข่งขันด้วยซ้ำไปแล้ว และตลอดการแข่งขันก็เต็มไปด้วยภาพที่น่าเศร้าเมื่อไม่มีแฟนฟุตบอลในสนามเลยแม้แต่คนเดียวตลอดทั้งรายการ ทั้งๆ ที่ในยุโรปเต็มไปด้วยสีสันของแฟนบอล
แต่อย่างน้อยที่สุดการที่ฉากสุดท้ายของมันคือเกมนัดชิงชนะเลิศแห่งความฝันระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจของทวีป และการเผชิญหน้ากันของ 2 ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ในการเล่นสูงสุดของยุคสมัย ก็นับว่านี่ไม่ใช่ฟุตบอลโคปา อเมริกาที่แย่อะไรนัก
มีใครบ้างที่จะไม่อยากดูบราซิลปะทะกับอาร์เจนตินา
และมีใครบ้างที่จะไม่หูตาลุกวาวเมื่อรู้ว่า เนย์มาร์ จะได้ดวลกับ ลิโอเนล เมสซี
นี่คือการกลับมาพบกันในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลชิงแชมป์ระดับทวีปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่ประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งครั้งนั้น ‘โอ คานารินโญ’ พลิกล็อกถล่ม ‘อัลบิเซเลสเต’ ชุดที่อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์เต็มทีมขาดลอยถึง 3-0
ที่บอกว่าอาร์เจนตินาเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์นั้นประกอบไปด้วย ฮวน เซบาสเตียน เวรอน, ฮาเวียร์ มาสเคราโน, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ, ฮวน โรมัน ริเกลเม, คาร์ลอส เตเวซ, ปาโบล ไอมาร์, อิล พูลกา และ ลิโอเนล เมสซี ในช่วงวัยรุ่นที่เริ่มโด่งดังหลังแจ้งเกิดได้ราว 2 ปี
ขณะที่บราซิลในยุคนั้นตัวผู้เล่นไม่ได้ดีมาก สตาร์ที่โดดเด่นที่สุดคือ ‘เปเลน้อย’ โรบินโญ นอกนั้นก็มีเพียงแค่ ชูลิโอ บาปติสตา, วากเนอร์ เลิฟ และไมคอน ที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาได้ แต่ก็กลับเอาชนะได้อย่างขาดลอย
ความจริงการพบกันในปี 2007 คือการพบกันในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันด้วย เพราะในปี 2004 พวกเขาก็พบกันมาครั้งหนึ่งแล้ว และก็จบลงด้วยชัยชนะของบราซิลเหมือนกันที่แม่นกว่าในช่วงของการดวลจุดโทษ
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือ 14 ปีผ่านมา อาร์เจนตินาที่เป็นมหาอำนาจของทวีปและมีนักเตะที่เราต่างยกย่องว่าเก่งและมหัศจรรย์ที่สุดในยุคสมัยอย่างเมสซี ก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้อยู่ดี โดยพวกเขาได้เข้าชิงอีก 2 ครั้งในการแข่งขันปี 2015 และอีกครั้งในปี 2016 (เป็นการแข่งครบรอบ 100 ปีของโคปา อเมริกาด้วย โดยใช้ชื่อว่า โคปา เซนเตนาริโอ) ซึ่งจบลงด้วยการแพ้ต่อชิลีในการดวลจุดโทษทั้งสองครั้ง
และมันก็นำไปสู่การที่เมสซีประกาศอำลาทีมชาติอาร์เจนตินาไปแล้วครั้งหนึ่ง (หลังจากแพ้เยอรมนีในนัดชิงฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ทำให้แพ้นัดชิง 3 ครั้งรวด)
ขณะที่บราซิลนั้นแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในอดีต แต่ภายใต้การนำของยอดโค้ชอย่างติเต พวกเขาก็คว้าแชมป์ได้ในปี 2019 ที่เป็นเจ้าภาพเอง
ลูคัส ปาเกตา นักเตะที่โดดเด่นที่สุดอีกคนของบราซิล
แน่นอนว่าในการพบกันครั้งนี้นอกเหนือจากความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกันที่ชัดเจนแล้ว ทุกคนต่างอยากดูลีลาของเนย์มาร์และเมสซีเป็นพิเศษ
ทั้งสองแม้จะเป็นซูเปอร์สตาร์ของชาติที่เป็นคู่แข่ง แต่ก็มีความรักความผูกพันแก่กันจากช่วงเวลาที่เคยค้าแข้งในทีมบาร์เซโลนาด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคู่และต่างยังถวิลหากันอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้ดูเหมือนจะไม่มีวันที่จะได้กลับมาเล่นด้วยกันอีกแล้วก็ตาม
เนย์มาร์และบราซิล แม้จะมีกรณีขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องของการลงแข่งในรายการนี้ตั้งแต่แรก ซึ่งนักเตะบราซิลแสดงท่าทีไม่ต้องการจะแข่งขันเพราะสถานการณ์การระบาดร้ายแรงของโควิด ทำให้ชาติเจ้าภาพร่วมเดิมอย่างอาร์เจนตินาและโคลอมเบียถูกริบสิทธิ์ (ฝ่ายหลังมีปัญหาการเมืองภายในด้วย) ก่อนหน้าการแข่งขันจะเริ่มไม่ถึง 2 สัปดาห์ และสุดท้ายกลายเป็นบราซิลที่จู่ๆ ก็ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันแทน
แต่ทีมที่เหมือนไม่อยากแข่งนั้นเมื่อสะสางปัญหาคาใจได้ (โดยเฉพาะกรณีของประธานสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลกับติเต ที่จบลงด้วยการพ้นจากตำแหน่งของฝ่ายแรก) บราซิลก็เดินหน้ามาสู่นัดชิงได้ด้วยฟอร์มการเล่นที่ถือว่าดีประมาณหนึ่ง
อาจจะไม่ได้ดีมากแต่ก็ดีพอและพอดีสำหรับการเข้าชิง
ขณะที่เนย์มาร์ เจ้าชายแสงอาทิตย์ของชาวบราซิลในทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ถึงกับมีผลงานเป็นตัวเลขที่โดดเด่น (2 ประตูกับ 3 แอสซิสต์) แต่หากถามถึงความสำคัญต่อทีม อิทธิพลต่อเกม และความมหัศจรรย์บนปลายเท้าแล้ว ใครบ้างที่จะไม่อยากดูเขาลงเล่น
และเมื่อบราซิลซึ่งเข้ารอบมาได้ด้วยการชนะรวดในรอบแรก ก่อนจะผ่านเอกวาดอร์, ชิลี และเปรู ได้ในรอบน็อกเอาต์ จนได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ – เมื่อถูกถามว่าอยากเจอใครในรอบชิง? คำตอบของเนย์มาร์นั้นเป็นการส่งเทียบเชิญที่ชัดเจน
“ผมอยากเจออาร์เจนตินา”
ในถ้อยคำของเนย์มาร์ยังบอกว่าเป็นเพราะเขามีเพื่อนอาร์เจนไตน์ในสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง อย่าง อังเคล ดิ มาเรีย และ เลอันโดร ปาเรเดส แต่คนสำคัญที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเมสซี ที่ในทัวร์นาเมนต์นี้เขาเล่นได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับอีกหลายทัวร์นาเมนต์ระดับชาติที่ผ่านมา โดยทำไปแล้ว 4 ประตู นำเป็นดาวซัลโว และยังทำแอสซิสต์สูงสุดด้วย
อาร์เจนตินาเก่งไม่มาก แต่ทีมสปิริตชุดนี้ถือว่าดีกว่าหลายชุดที่ผ่านมา
และเพราะว่าองค์ประกอบโดยรวมของอาร์เจนตินาชุดนี้ไม่ได้แกร่งมากนัก ทำให้ความหวังสูงสุดของทีมฟ้าขาวจึงอยู่ที่เมสซีคนเดียว และนั่นทำให้เกมนี้ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีกว่าในสภาพที่ทีมนอกจากจะไม่ได้เป็นต่อแล้วยังดูเป็นรองค่อนข้างชัด ราชาลูกหนังจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ในระดับชาติสักครั้งได้หรือไม่?
เพราะด้วยวัยและด้วยสภาพทีมของอาร์เจนตินาแล้วอาจจะฟังดูน่าเศร้า แต่เราควรจะทำใจว่าไม่น่าจะมีโอกาสที่เมสซีจะได้เข้าชิงรายการใหญ่อีกแล้วในช่วงชีวิตการเล่นที่เหลืออยู่ไม่น่าเกิน 3 ปีในระดับสูงสุด
ดังนั้นเกมนี้เชื่อได้ว่าเมสซีจะ ‘เล่นใหญ่’ และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะเอาชนะบราซิลของเนย์มาร์ให้ได้ เพื่อแชมป์รายการนี้สมัยแรกของทีมนับตั้งแต่ปี 1993 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ชาวฟ้าขาวได้ฉลองกับความสำเร็จ
ทั้งนี้แม้ว่าจะไม่มีสีสันจากแฟนบอลในสนาม (ซึ่งน่าเศร้าและสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของโลกในเชิงของอำนาจเศรษฐกิจและสังคม) และแม้จะไม่ได้รับความสนอกสนใจจากแฟนบอลทั่วโลกมากนัก เพราะดันแข่งพร้อมกันกับฟุตบอลยูโร แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นนัดชิงระหว่างบราซิลและอาร์เจนตินา และนัดชิงของเนย์มาร์และเมสซี
ไม่มีใครที่ไม่อยากดู
อาจจะต้องลุกไวสักหน่อยเพราะเกมเริ่มต้นตอน 7 โมงเช้า แล้วรีบล้างหน้าล้างตา กดรีโมต ช่อง PPTV HD 36 ถ่ายทอดสดนัดชิงในฝันนี้ให้ชมกัน
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2021/jul/09/brazil-argentina-final-redeem-copa-america-maracana
- https://en.wikipedia.org/wiki/2021_Copa_América
- https://www.espn.in/football/copa-america/story/4429663/copa-america-final-preview-will-neymarbrazil-beat-messis-argentina
- https://www.beinsports.com/us/copa-america/news/balanced-brazil-dreaming-of-copa-america-glor/1713696
- https://www.bbc.com/sport/football/57776158