ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานกว่า 480 จุด หลังนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด เมื่อล่าสุดบริษัท Merck เผยผลทดสอบยาซึ่งระบุว่า มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสได้ทุกสายพันธุ์รวมถึงสายพันธุ์เดลตา
วานนี้ (1 ตุลาคม) ดัชนี Dow Jones พุ่งขึ้น 482.54 จุด หรือ 1.43% ปิดที่ระดับ 34,326.46 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเกือบ 1.2% เป็น 4,357.04 ในขณะที่ Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ระดับ 14,566.70 จุด
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Stock Trader’s Almanac ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักฟื้นตัวขึ้นในเดือนตุลาคมและปรับตัวขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยเดือนตุลาคมถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นตามฤดูกาลของราคาหุ้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 0.8% ในเดือนตุลาคม ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพฤศจิกายน และ 1.5% ในเดือนธันวาคม
ขณะที่ราคาหุ้น Merck ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ทันทีที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลการทดสอบยาต้านโควิดที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 50%
โดยบริษัท Merck & Co ประกาศข่าวดีว่า บริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกรณีฉุกเฉิน หลังการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ
ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด ซึ่ง Merck ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตาด้วย
แม้ว่าขณะนี้ยาโมลนูพิราเวียร์ยังไม่ได้รับการรับรองจาก FDA แต่หลายประเทศทั่วโลกก็ได้เริ่มสั่งยาโมลนูพิราเวียร์จาก Merck แล้ว ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ โดยทางบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดส่งยาจำนวน 1.7 ล้านเม็ด
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นของ Pfizer, Inc. และ Moderna, Inc. ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด ดิ่งลงอย่างหนักในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ในการรักษาโรคโควิด
ทั้งนี้ ราคาหุ้น Pfizer (PFE.N) และ Moderna (MRNA.O) ดิ่งลง 3% และ 10% ตามลำดับในการซื้อขายวันนี้
ไมเคิล ยี ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพของบริษัทเจฟเฟอรีส์ กล่าวว่า ราคาหุ้นของบริษัททั้งสองที่ร่วงลง เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจะกลัวโควิดน้อยลง และจะลดความต้องการฉีดวัคซีน หลังจากมียาเม็ดที่กินได้ง่ายเพื่อรักษาโควิด
อาเมช อาดาลจา นักวิชาการอาวุโสจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ กล่าวว่า ยาเม็ดที่ใช้รับประทานซึ่งสามารถลดความเสี่ยงอย่างมากในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลถือเป็นจุดพลิกเกมในอุตสาหกรรม เนื่องจากวิธีการรักษาโรคโควิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันถือว่าสร้างความยุ่งยากให้แก่แพทย์อย่างมาก การมียากินรักษาแบบสะดวกจะช่วยได้มาก
ขณะเดียวกัน Dow Jones ยังได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากกรณีที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว ซึ่งจะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธันวาคมนี้ และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2021/09/30/stock-market-futures-open-to-close-news.html
- https://www.cnbc.com/2021/10/01/merck-to-seek-emergency-authorization-for-oral-covid-19-treatment.html
- https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/mercks-covid-19-pill-cuts-risk-death-hospitalization-by-50-study-2021-10-01/
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP