กรณี หุ้น MEGA จากประเด็นที่ธนาคารกลางเมียนมาออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาต แจ้งลูกค้าธุรกิจและรายย่อยให้ระงับการจ่ายหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ เพื่อรักษาปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง และมีคำสั่งห้ามการนำเข้ารถยนต์ และสินค้าฟุ่มเฟือยทุกชนิด รวมไปถึงการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันประกอบอาหารอย่างเข้มงวด
บล.กสิกรไทย ระบุว่า จากรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น บริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากเมียนมา ได้แก่ MEGA จำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ มีสัดส่วนรายได้จากเมียนมาราว 35%, CBG และ OSP ทำธุรกิจเครื่องดื่ม มีสัดส่วนรายได้ในเมียนมาราว 10%
ขณะที่ PTTEP มีโครงการขุดเจาะน้ำมันใน Zawtika และ Yadana ซึ่งรับรายได้จากผู้ซื้อคือ PTT จ่ายให้ PTTEP โดยตรงบนบัญชีในไทย ส่วนค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินจ๊าด เปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์เข้าไปเป็นครั้งคราวและมีสัดส่วนไม่มาก จึงคาดว่าไม่ได้รับผลกระทบ
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า MEGA ไม่น่าจะถูกกระทบจากการที่เงินจ๊าดอ่อนค่า ทั้งนี้ รายได้จากเมียนมาคิดเป็นประมาณ 35% ของยอดขายรวม ในจำนวนนี้มีทั้งสินค้ายา 65% และสินค้าอุปโภคอื่น 35% ในส่วนที่เป็นสินค้ายาไม่ถูกกระทบ แม้ว่า MEGA จะมีรายรับเป็นเงินจ๊าด แต่ตั้งราคาขายเป็นเงินสกุลดอลลาร์จึงเหมือนกับการปรับราคาขึ้น
ขณะที่สินค้าอุปโภคถูกกระทบบ้างจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ แต่ชดเชยได้หมดจากสินค้ายาที่เติบโต ขณะที่ช่วงเงินจ๊าดอ่อนค่าเมื่อไตรมาส 3/64 กำไรของบริษัทรายไตรมาสยังทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ทั้งที่เงินจ๊าดอ่อนค่ากว่า 60%
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ MEGA ปรับตัวลง 9.95% มาปิดที่ 47.5 บาท ขณะที่ราคาหุ้นของ CBG และ OSP ลดลง 3.06% และ 2.17% ตามลำดับ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP