ในที่สุดแจ็กพอตลอตเตอรี่ Mega Millions ของสหรัฐฯ ก็แตกแล้ว หลังจากอั้นมาหลายงวดติดต่อกัน ทำให้ผู้โชคดีที่เป็นเจ้าของลอตเตอรี่หมายเลข 5, 28, 62, 65, 70 และเมกะบอล 5 จะได้รับยอดเงินแจ็กพอตสะสมสูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 52,640 ล้านบาท) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่เริ่มมีการจำหน่ายลอตเตอรี่ชนิดนี้ในปี 2002
โดยลอตเตอรี่ Mega Millions มีจำหน่ายใน 44 รัฐทั่วประเทศ ซึ่งผู้ชนะในครั้งนี้เป็นผู้โชคดีจากรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าผู้โชคดีรายนี้เป็นใคร โดยเซาท์แคโรไลนาเป็นหนึ่งใน 8 รัฐ ที่อนุญาตให้ผู้โชคดีไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนแก่สาธารณะได้
แอนโทนี มาสเตอร์ นักสถิติจาก Royal Statistical Society เคยระบุว่า โอกาสที่จะถูกรางวัลแจ็กพอตของลอตเตอรี่ Mega Millions คือ 1 ใน 300 ล้าน ซึ่งมีโอกาสถูกน้อยกว่าการโยนเหรียญติดต่อกัน 28 ครั้ง และออกหัวหมดทุกครั้ง (1 ใน 268 ล้าน)
ผู้โชคดีจะมีทางเลือกในการรับรางวัลแจ็กพอต 2 ทางเลือก ทางเลือกแรกคือ รับเงินก้อนเดียวจบ เป็นจำนวนเงิน 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) หลังจากการหักภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้ว ขณะที่อีกทางเลือกหนึ่งคือ เลือกรับเงินเป็นงวด เป็นระยะเวลา 29 ปี (1 งวด/1 ปี) แต่จะได้รับเงินเต็มจำนวน จนเกิดเป็นข้อถกเถียงกันว่า ทางไหนที่จะคุ้มค่ากับผู้โชคดีมากที่สุด ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ต่างเชียร์ให้เลือกรับเงินเป็นงวดๆ เพื่อป้องกันการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และอัตราภาษีที่อาจจะลดลงในอนาคต
แจ็กพอตลอตเตอรี่ Mega Millions ในครั้งนี้ ทำลายสถิติเดิมของลอตเตอรี่ Power Ball ที่ทำไว้เมื่อปี 2016 ที่มูลค่า 1.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 51,982 ล้านบาท) โดยจะต้องแบ่งให้ผู้โชคดี 3 คนจากรัฐแคลิฟอร์เนียร์ ฟลอริดา และเทนเนสซี
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: