วันนี้ (8 กันยายน) สุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยวาระ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีข้อสังเกตในประเด็นหลักฐานของ มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ถูกนำมาเผยแพร่ โดยระบุว่าหลักฐานดังกล่าวหมดน้ำหนักแล้ว เพราะในทางการพิจารณาคดี ถ้าเอกสารขัดกันถือว่าพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนัก เพราะรายงานการประชุมครั้งที่ 500 กับ 501 ขัดกันชัดเจน
ดังนั้น ตนคิดว่าในการพิจารณาคดีหลักฐานส่วนนี้ไม่มีความจำเป็น แต่ที่เห็นว่าชัดเจนที่สุดคือ หากไปอ่านมาตรา 264 มีประเด็นที่ตนมองว่าน่าจะเป็นข้อพิจารณาที่ชัดเจนที่สุด คือมาตรา 264 ที่ได้เขียนยึดโยงไปกับนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 หากอ่านแล้วไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์เจตนารมณ์เลย
ประเด็นต่อมาคือ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จะมองข้ามประเด็นนี้ไม่ได้ การมีพระบรมมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่สมบูรณ์ทุกประการ และตรงกับมาตรา 158 ทุกประการ
ประเด็นต่อมา หากจะมีการตีความว่าไม่นับย้อนหลัง ต้องนับจากปี 2560 ตนอยากชี้ให้ไปดูข้อสังเกตที่มาตรา 158 หากมุ่งหมายอย่างนั้น มาตรา 158 จะต้องเขียนไว้ว่า มาตรา 158 นี้ไม่ให้มีผลบังคับกับรัฐบาลที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้ ดังนั้น เขียนแบบนี้จะชัดเจนที่สุด การไม่เขียนแบบนี้คือเจตนาที่จะให้มีผลไปถึงรัฐบาลก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ สุทินมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่ฝ่ายค้านยื่นไปเพียงพอและชัดเจน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล พร้อมมองว่าคำชี้แจงของ พล.อ. ประยุทธ์ และมีชัย ขาดน้ำหนักโดยสิ้นเชิง
ส่วนกรณีที่มีเอกสารชี้แจงหลุดออกมานั้น สุทินมองว่า มีนัยในการโยนหินถามทางและนำทางการพิจารณา แต่คนที่ทำเอกสารหลุดอาจคาดการณ์ผิดว่าฝ่ายค้านจะมีเอกสารใหม่คือบันทึกการประชุม ครั้งที่ 501 และตนจะหาข้อมูลเพิ่มหลังมีนักกฎหมายแนะนำว่าให้ไปดูบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2521 ที่มีชัยเป็นผู้เขียน มาเทียบกับปัจจุบัน ซึ่งจะชัดเจนว่าเจตนาของคนเขียนเป็นแบบไหน นั่นคือการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไร ในทางข้อเท็จจริงก็คือเมื่อนั้น ไม่ได้อยู่กับกฎหมายที่บังคับใช้
ทั้งนี้ สุทินระบุว่า การสืบทอดอำนาจ พล.อ. ประยุทธ์ อ้างถึงการเปลี่ยนผ่าน ทำให้คนเข้าใจว่าจะมีการปฏิรูปประเทศ แต่ทุกวันนี้จะเห็นได้ชัดว่าประเทศยังไม่มีการปฏิรูปเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านจากประยุทธ์ 1 ไปสู่ประยุทธ์ 2 และกำลังไปสู่ประยุทธ์ 3