วันนี้ (27 กรกฎาคม) ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง ไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อให้ทราบถึงความกังวลใจที่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มีต่อวัคซีน Pfizer 1.5 ล้านโดส ที่ทางการสหรัฐอเมริกาได้จัดสรรบริจาคให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของไทย รวมถึงหาแนวทางในการผลักดันให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมในการจัดสรรวัคซีนดังกล่าว โดยในการรับหนังสือได้มีตัวแทนจากทางสถานทูตเป็นผู้มารับมอบ
ด้าน นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ ระบุว่า ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์มีความกังวลเป็นอย่างมากต่อความโปร่งใสของรัฐบาลไทยในการจัดสรรวัคซีน หลังจากที่มีข่าวลือออกมาในหลายประเด็นจนเกิดความกังขาว่าวัคซีนอาจถูกจัดสรรให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้าเผชิญโรคก่อน จึงอยากให้ทางสถานทูตทราบถึงปัญหาความไม่โปร่งใสดังกล่าว
ขณะที่ประเด็นการจัดสรรวัคซีนก็ต้องการให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา ว่าวัคซีนได้ถูกฉีดให้กับกลุ่มบุคคลใดบ้าง เป็นจำนวนเท่าไร เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ควรจะได้รับการฉีดวัคซีนมีรายชื่อตกหล่นไปและเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ด้าน ปาณิสรา ปานมุนี ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ ระบุว่า สิ่งสำคัญที่อยากจะพูดคือบุคลากรทางการแพทย์ไม่มีเครื่องมือที่จะใช้ในการป้องกันโรค ไม่สามารถปกป้องชีวิตตนเองจากอันตรายต่างๆ ไม่ได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อีกทั้งยังมีบุคลากรหลายคนที่ยังไม่ได้รับค่าเสี่ยงภัยและต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ป้องกันโรค อาทิ ชุด PPE เอง ไม่ต่างกับการที่รัฐบาลกำลังส่งบุคลากรทางการแพทย์ไปตาย
ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ยังเปิดเผยว่า ทุกวันนี้ยังได้รับข้อมูลจากโรงพยาบาลต่างๆ ว่ามีการสอดแทรกรายชื่อของบุคคลภายนอกเข้ามาในรายชื่อบุคคลที่จะได้รับวัคซีนอยู่ ขณะที่รายชื่อบางคนหายไป จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องจับตาและร่วมกับตรวจสอบวัคซีนทุกชนิด โดยประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์กระจายวัคซีนที่น่าสงสัย ไม่โปร่งใส สามารถส่งข้อมูลมาได้ที่เพจ ‘IFMSA Thailand Official’ และเพจ ‘ก็ผมไม่มีทางเลือกวัคซีนนี่ครับ’ เพื่อร่วมกันตรวจสอบได้