ในช่วงยุค 2000 นักแสดงเจ้าบทบาท Matthew McConaughey เป็นหนึ่งในพระเอกหนังรอมคอมแถวหน้าแห่งวงการฮอลลีวูด ด้วยผลงานอย่าง How to Lose a Guy in 10 Days, The Wedding Planner, Failure to Launch และ Ghosts of Girlfriends Past
ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังจนขึ้นแท่นเป็นนักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวๆ ทั่วโลก แต่ Matthew McConaughey อยากให้ผู้คนในวงการมองเห็นเขาในฐานะนักแสดงผู้สามารถรับบทเป็นตัวละครที่มีมิติหรือความลึกซึ้งมากกว่าการแสดงเพียงหนังแนวโรแมนติกคอเมดี เขาจึงตัดสินใจพักงานนานถึง 20 เดือนเพื่อลบล้างภาพจำเหล่านั้น และรอคอยโอกาสที่จะได้แสดงภาพยนตร์ที่จริงจังมากกว่าเดิม
ระหว่างนั้นเอง Matthew McConaughey ก็ได้รับการเสนอให้แสดงภาพยนตร์แนวแอ็กชันคอเมดี โดยเขาเล่าผ่านรายการพอดแคสต์ The Diary of CEO ว่า เมื่อเขาปฏิเสธ ทีมผู้สร้างก็ยอมเสนอขึ้นราคาค่าตัวให้เขาไปเรื่อยๆ จากจุดเริ่มต้นที่จำนวน 8 ล้านดอลลาร์ ไปถึงจำนวน 14.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 462 ล้านบาทเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาอ่านสคริปต์ของหนังก็ไม่ตรงกับความต้องการของเขาอยู่ดี เขาจึงใจแข็งไม่รับงานดังกล่าวเพื่อไม่ให้ตัวเองวนลูปอยู่ในแวดวงหนังคอเมดี
“ผมคิดว่าการปฏิเสธเงิน 14.5 ล้านดอลลาร์และการที่ผมปฏิเสธเล่นหนังรอมคอม มันคือการส่งสาส์นถึงฮอลลีวูดว่า ‘โอ้ McConaughey ไม่ได้เก่งแต่ปากนี่หว่า’” Matthew McConaughey กล่าว
หลังจากที่รอคอยอยู่เนิ่นนาน ในที่สุด Matthew McConaughey ก็ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ระดับคุณภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Interstellar, Killer Joe, Mud และ Dallas Buyers Club ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ในปี 2014 มาแล้ว โดยเขาพูดถึงผลของการตัดสินใจในครั้งนั้นว่า “ผมจะได้แสดงหนังพวกนั้นไหมถ้าไม่ถอยออกมาในตอนนั้น? ไม่มีทางหรอก พวกเขาไม่มีทางเสนอบทเหล่านี้ให้ผมแน่”
ภาพ: Aliah Anderson/Getty Images
อ้างอิง: