นางสาวคุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ หนึ่งในทนายความของผู้ต้องหา MBK 39 จากกรณีการชุมนุม ‘อยากเลือกตั้ง’ ที่สกายวอล์ก เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์ภายหลังผู้ต้องหาจำนวน 29 คนถูกนำตัวมาขออำนาจศาลผัดฟ้องที่ศาลแขวงปทุมวันว่าพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอผัดฟ้องผู้ต้องหาออกไปก่อนโดยไม่ได้มีการขอฝากขัง เนื่องจากการจัดทำเอกสารและรายละเอียดต่างๆ ของสำนวนยังไม่แล้วเสร็จ
จากนั้นศาลอ่านข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งหมดฟังและอนุญาตให้พนักงานสอบสวนขอผัดฟ้องผู้ต้องหาได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ สำหรับการผัดฟ้องสามารถยื่นคำร้องได้ครั้งละ 6 วัน เป็นจำนวน 5 ผัด หรือ 30 วัน หากมากกว่านี้ต้องได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุดหรืออธิบดีศาล
โดยขั้นตอนต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องทำสำนวนให้แล้วเสร็จเพื่อส่งฟ้องต่ออัยการต่อไป ส่วนผู้ต้องหาจะขอให้การเป็นหนังสือภายใน 30 วัน
ขณะที่ นายนพพร นามเชียงใต้ 1 ใน 29 ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ โดยศาลนัดให้ไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 8 มีนาคมนี้
นายสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ หนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวว่านี่คือความล้มเหลวชั่วคราวของ คสช. ท่าทีของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนไปมาในการดำเนินคดีกับเรา ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนอิสระต่อไป ในส่วนของพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่นำมาแจ้งข้อหาตนเองนั้นก็รู้สึกว่ายังเป็นที่น่าสงสัยอยู่ ส่วนคนอื่นก็กำลังใจดี บางคนก็มีญาติพี่น้องร้องไห้เพราะกังวลกับชะตากรรมที่ต้องถูกดำเนินคดี และตนเองขอเป็นตัวแทนประชาชนเพื่อขอบคุณทนายความที่ทำหน้าที่เพื่อพวกเราอย่างเต็มที่
ขณะที่แกนนำอีก 5 คนที่มารายงานตัวในวันนี้ ได้แก่ นางสาวณัฏฐา มหัทธนา, นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล, นายวีระ สมความคิด, นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ถูกนำตัวไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง เนื่องจากถูกดำเนินคดีในมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น โดยต้องรอติดตามว่าศาลจะมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่
ก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าได้ทำคดีอย่างสมควรแก่เหตุ ยืนยันว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนบุคคลที่ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาวันนี้จะมีการพิจารณาว่ามีการขอเลื่อนโดยมีเหตุผลสมควรหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีเหตุผลสมควรก็อาจพิจารณาขอศาลออกหมายจับต่อไป
