เมื่อการเดินทางเป็นมากกว่าแค่การเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง การขับรถคือส่วนสำคัญที่พาชีวิตคุณไปค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในแต่ละวันบนท้องถนน รถยนต์แบบไหนที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณมากที่สุด

เมื่อเทคโนโลยีขับเคลื่อนไปข้างหน้า กลายเป็นโจทย์ของแบรนด์รถยนต์อย่าง Mazda ที่จะต้องพัฒนารถยนต์อย่างไม่หยุดนิ่ง และล่าสุดรถยนต์รุ่นใหม่ของ Mazda กำลังจะก้าวสู่อีกเจเนอเรชัน ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน ทั้ง Skyactiv-Vehicle Architecture แพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่, GVC Plus ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง รวมไปถึงเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่เป็นเสมือนการเพิ่มสัญชาตญาณความปลอดภัยให้กับรถยนต์คู่ใจ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยใช้แนวคิด Human-Centric Philosophy ที่คำนึงถึงทุกชีวิตอย่างแท้จริง

Human-Centric Philosophy หัวใจของ Mazda ที่ทำให้รถยนต์กลายเป็นอีกอวัยวะหนึ่งของมนุษย์

จากความเพลิดเพลินในการขับขี่ สู่การขับเคลื่อนชีวิตอย่างมีความหมาย ล่าสุด Mazda พัฒนาและออกแบบรถยนต์ให้มีความสมบูรณ์แบบที่สุดด้วยการนำปรัชญาการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางมาใช้ในการสร้างสรรค์รถยนต์ ที่ทำให้รถยนต์เป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์มากที่สุด

ท่าทางในการขับขี่คือสิ่งแรกที่ Mazda คำนึงถึง โดยเฉพาะยนตรกรรมยุคใหม่ของ Mazda ที่ผ่านการคิดค้นและทดลองซ้ำไปซ้ำมาจนได้ผลลัพธ์ที่ทำให้เกิด ‘การขับที่ที่สมบูรณ์แบบ’ 

สิ่งที่ Mazda ค้นพบคือ ร่างกายมนุษย์มีแนวโน้มที่จะอ่อนเพลียน้อยลง และตอบสนองได้ดีขึ้นหากอยู่ในท่านั่งที่เป็นธรรมชาติ แนวคิดนี้นำไปสู่การพยายามหาตำแหน่งท่านั่งที่ถูกต้องในการขับขี่โดยคำนึงถึงธรรมชาติของกล้ามเนื้อมนุษย์ที่อยู่หลังพวงมาลัยด้วยท่านั่งที่ผ่อนคลายที่สุด พร้อมกับทัศนวิสัยและการเคลื่อนไหวร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ ซึ่งเป็นการนำหลัก Human-Centric Philosophy มาใช้กับรถยนต์ Mazda เพื่อทำให้รถยนต์กับมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน

และนั่นจึงเป็นที่มาของแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ Skyactiv-Vehicle Architecture ที่อยู่ในยนตรกรรมยุคใหม่ของ Mazda ทุกคัน โดยศึกษามาจากการเดินอย่างเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งจากการมุ่งมั่นศึกษาอย่างจริงจัง Mazda พบว่าขณะเดิน ศีรษะมนุษย์จะยังคงความเสถียรภาพและรักษาสมดุลได้โดยง่าย ขณะที่แนวกระดูกสันหลังรูปตัว S ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ดังนั้นร่างกายจะรับรู้สภาพถนนอย่างต่อเนื่องผ่านขาไปยังกระดูกเชิงกราน

เมื่อถอดแบบท่าทางการเดินในอุดมคติมาปรับใช้ในรถยนต์ Mazda จึงทำให้ส่วนประกอบของรถยนต์แต่ละส่วนสามารถทำหน้าที่ได้ไม่ต่างจากอวัยวะของมนุษย์ ทั้งตัวถัง ช่วงล่าง เบาะนั่ง และยางรถยนต์ ที่ทำงานสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างรถยนต์ให้สามารถรู้สึกและเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากการเดิน โดยยังคงทำให้ศีรษะคงความเสถียรภาพ ร่างกายมีความสมดุล ผ่านกระดูกเชิงกรานที่ตั้งตรงและแนวกระดูกสันหลังรูปตัว S และสามารถรับรู้สภาพถนนสู่ร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อคุณนั่งอยู่หลังพวงมาลัย คันเร่งที่ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติจะทำให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายขึ้น ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ก็จะเกิดความมั่นใจมากขึ้น เป็นการยกระดับความเพลิดเพลินในการขับขี่ และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้รถยนต์ Mazda มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง โดยแนวคิดในการออกแบบที่เน้นให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง

G-Vectoring Control Plus ทุกโค้งคือความมั่นใจที่มากขึ้น

นอกจากการออกแบบโครงสร้างภายในรถยนต์ใหม่ทั้งหมดแล้ว ยนตรกรรมยุคใหม่ของ Mazda ยังรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจกับการตอบสนองต่อทุกโค้งบนท้องถนนอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus หรือ GVC Plus 

ระบบ GVC Plus หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ระบบจะทำงานโดยตรวจจับการหมุนพวงมาลัยของคนขับขณะเข้าโค้ง เพื่อคำนวณการถ่ายน้ำหนักของรถที่เหมาะสม และสั่งการไปยังเครื่องยนต์เพื่อลดแรงบิด จึงทำให้น้ำหนักของรถถ่ายไปยังล้อหน้า ส่งผลให้การตอบสนองขณะเข้าโค้งดีขึ้น โดยระบบจะคืนแรงบิดให้สู่สภาวะปกติ ในขณะที่รถอยู่ระหว่างโค้ง ทำให้น้ำหนักของรถถูกถ่ายไปสู่ล้อหลัง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพที่ดีของรถ และระบบจะตรวจจับการหมุนพวงมาลัยของคนขับอีกครั้งในขณะออกจากโค้ง เพื่อคำนวณการเบรกเพียงเล็กน้อยที่ล้อหน้าฝั่งนอกโค้ง ทำให้รถกลับสู่ทางตรงง่ายขึ้น 

โดยระบบ GVC Plus เป็นการต่อยอดจากระบบ GVC เดิมที่มีหน้าที่ควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพื่อให้ผู้ขับรู้สึกมั่นใจในทุกการขับขี่ โดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง 

ที่สำคัญระบบนี้ยังช่วยควบคุมการเคลื่อนที่ระหว่าง 3 แกนของรถยนต์ ทั้งแกนยกตัวซ้ายขวา (roll) แกนหมุนหน้าหลัง (yaw) และแกนยกตัวหน้าหลัง (pitch) ทำให้รถสามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจแม้จะขับมาด้วยความเร็วสูง ไม่เว้นในกรณีที่มีการเปลี่ยนเลนอย่างกะทันหัน หรือการขับขี่บนพื้นถนนที่ลื่น 

ถือเป็นการพัฒนาที่ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้จากยนตรกรรมยุคใหม่ของ Mazda นับจากนี้

i-ACTIVSENSE ยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันของ Mazda

อีกหนึ่งความตั้งใจของ Mazda ในการพัฒนา i-ACTIVSENSE เทคโนโลยีความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ เพื่อทำให้รถยนต์มีสัญชาตญาณในการปกป้องความปลอดภัยของทุกชีวิต และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในเวลาที่ไม่คาดฝัน 

i-ACTIVSENSE เทคโนโลยีความปลอดภัยของ Mazda ในเจเนอเรชันใหม่ คือการรวมเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันในแบบเฉพาะของ Mazda ที่ผ่านการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มีความแม่นยำและดียิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การขับขี่ยังคงสนุก แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความปลอดภัยในทุกๆ การขับขี่ 

เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า Mazda จริงจังในการยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนบนท้องถนน ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนเดินถนน และรถยนต์คันอื่นๆ ที่ใช้ถนนร่วมกัน 

จะเห็นว่าทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของ Mazda ในการพัฒนาให้รถยนต์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้อย่างกลมกลืน เพื่อขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถขับขี่ได้อย่างสนุก ตามหัวใจหลักของการผลิตรถยนต์ทุกคันของ Mazda ซึ่งจะไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า