×

MaXXXine (2024) วิญญาณเพชฌฆาตของอีสาวยั่วสวาทเลือดนักสู้

23.07.2024
  • LOADING...
MaXXXine (2024)

 

นักแสดงเล่นหนังข้าม ‘Genre’ หรือแนวหนัง (ที่ตัวเองถนัด) ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเธอหรือเขาล้วนไม่ต้องการติดอยู่ในกับดักของการต้องสวมบทบาทที่ซ้ำซากจำเจ และอีกส่วนก็คงเป็นเรื่องของการแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ ให้กับตัวเอง เราสามารถเรียงลำดับรายชื่อดารานักแสดงที่ข้ามเส้นแบ่งประเภทของหนังแล้วไปได้สวยได้ไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ (แต่ที่ล้มเหลวก็เยอะ) นึกเร็วๆ ง่ายๆ ก็ได้แก่ Robert Downey Jr. ที่เริ่มต้นจากการเล่นหนังรักโรแมนติกเบาสมอง ภายหลังชีวิตผกผัน เขากลับมาแจ้งเกิดรอบสองในบทพระเอกหนังแอ็กชันซูเปอร์ฮีโร่ที่แทบจะตอกตรึงภาพลักษณ์ให้ดิ้นไม่หลุด จนเชื่อกันว่าโอกาสที่เขาจะพลิกไปเล่นหนังแนวอื่นแล้วได้รับการตอบรับอุ่นหนาฝาคั่งแบบนี้ก็น่าจะยากเต็มที แต่สุดท้าย หนึ่งในการแสดงที่สร้างชื่อเสียงและชนะรางวัลออสการ์ก็มาจากหนังดราม่าเข้มข้นผสมเขย่าขวัญตื่นเต้นเรื่อง Oppenheimer

 

อีกคนหนึ่งก็คือดาราตลก Jim Carrey ผู้ที่มีหนึ่งในบทบาทที่น่าจดจำที่สุดมาจากหนังโรแมนซ์แฟนตาซีเรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ซึ่งเป็นหนังที่นอกจากไม่มีอะไรตลกแม้แต่นิดเดียวยังหม่นเศร้ามากๆ

 

 

แต่ก็นั่นแหละ พรมแดนของ Genre หรือแนวหนังประเภทหนึ่งที่ใครหลุดเข้ามาแล้วก็ก้าวออกไปไม่ได้ง่ายๆ และในโลกของความเป็นจริงแทบไม่ปรากฏว่ามีนักแสดงคนไหนสามารถฉีกตัวเองได้สำเร็จอย่างจริงจัง ก็คือการผันตัวเองจากการเล่นหนังโป๊ไปสู่หนัง Genre อื่นๆ (สยองขวัญ, ดราม่า, แอ็กชัน, ตลก ฯลฯ) ไม่มากไม่น้อย นั่นเป็นทั้งความดิ้นรนและทะเยอทะยานของ Maxine Minx (สวมบทได้อย่างเข้มข้นจัดจ้านโดย Mia Goth) ตัวเอกของหนังเรื่อง MaXXXine ผู้ที่สำหรับผู้ชมแล้วเธอไม่มีตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับตัวละครนี้มาก่อน เธอคือดาราหนังโป๊ที่พยายามถีบตัวเองขึ้นไปเล่นหนังสยองขวัญ ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่าความโด่งดังในฐานะนักแสดง ‘หนังเฉพาะทาง’ ของเธอมันติดเพดานแล้วจริงๆ อีกทั้งในแง่สังขาร การเล่นหนังโป๊ก็มีวันหมดอายุ (เหมือนขนมปัง) และระยะเวลาของความรุ่งเรืองก็สั้นมากๆ ข้อสำคัญ เจ้าตัวมีความเชื่อและศรัทธาอันท่วมท้นในศักยภาพทางการแสดงของตัวเอง

 

ว่าแล้วในช่วงราวๆ สิบนาทีแรกของเรื่อง หญิงสาวก็โชว์ให้ทั้งผู้กำกับและทีมงานที่กำลังสัมภาษณ์และทดสอบการแสดง รวมถึงคนดูที่เฝ้าจดจ้องตัวละคร ได้เห็นฝีไม้ลายมือของเธอ และในจังหวะสั้นๆ นั้นเองที่พวกเราก็ได้ร่วมเป็นประจักษ์พยานห้วงเวลาที่น่าจะเรียกได้ว่า Magic Moment ทางการแสดงของทั้งตัวละครและรวมถึงตัว Mia Goth จริงๆ

 

 

รื้อฟื้นข้อมูลสำหรับคนดูขาจรสักเล็กน้อย (แน่นอนว่าสาวกหนังสยองขวัญรับรู้อยู่แล้ว) MaXXXine เป็นผลงานลำดับที่สามของหนังไตรภาคแนว Slasher ของ Ti West ที่แฟนๆ ตั้งตารอคอย สองเรื่องก่อนหน้าซึ่งได้รับคำชมล้นหลามก็คือ X (2022) และ Pearl (2022) และทั้งสามเรื่องนำแสดงโดย Mia Goth ผู้ซึ่งพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่มีทางที่ใครจะมองไม่เห็นพรสวรรค์ทางการแสดงของเธอ เพราะมันทิ่มแทงสายตาคนดูซะเหลือเกิน และเธอแจ้งเกิดจากหนังชุดนี้เต็มตัว

 

เนื้อหาหลักของหนังไตรภาคชุดนี้บอกเล่าเรื่องของตัวละครสองคนที่มุ่งหวังจะได้เป็นดารา คนหนึ่งก็คือ Maxine ในหนังเรื่อง X (ซึ่งก็คือคนเดียวกับภาคสาม) ผู้ซึ่งประกาศให้คนดูรับรู้ตั้งแต่ต้นว่าเธอเบื่อหน่ายชีวิตที่ไม่ได้ดังใจปรารถนาและอยากเป็นคนมีชื่อเสียง บันไดที่เธอใช้ไต่เต้าก็คือการเล่นหนังโป๊ฮาร์ดคอร์ อีกคนก็คือ Pearl (สวมบทโดย Goth เช่นกัน) ตามชื่อหนังภาคสอง ซึ่งมีสถานะเป็น Prequel หรือตอนที่มาก่อนนั่นเอง หญิงสาวบ้านนอกที่ผัวไปรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และชีวิตยากแค้นลำเค็ญของสาวน้อยได้แก่การต้องปรนนิบัติพัดวีพ่อซึ่งเป็นอัมพาต และรับใช้แม่ชาวเยอรมันจอมเฮี้ยบเยี่ยงทาส ความใฝ่ฝันสูงสุดของหญิงสาวก็คือการได้ร่วมคณะละครเร่เพื่อว่าเธอจะได้หนีไปจากชีวิตที่เหมือนติดหล่มและน่าอเนจอนาถนี้ หรือว่ากันตามจริง เจ้าตัวถึงกับอธิษฐานอ้อนวอนพระเจ้าขอให้เธอได้เป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

 

มองผิวเผิน ปมเรื่องของทั้ง X และ Pearl อาจจะฟังเหมือนหนังดราม่า แต่ก็ดังที่เกริ่นข้างต้น เนื้อแท้ของทั้งสองเรื่องคือหนังสยองขวัญ และส่วนที่นับเป็นไอเดียที่สุดแสนบรรเจิดของคนทำหนังและทำให้ทั้ง X และ Pearl รวมถึง MaXXXine โดดเด่นและผิดแผกแตกต่างจากหนังสยองขวัญที่แต่ละปีสร้างกันออกมาไม่หวาดไม่ไหว ก็ได้แก่การที่แต่ละภาคถูกสร้างโดยมีสไตล์และลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน สมมติว่าจะลองอธิบายคลับคล้ายว่า Ti West ใช้แต่ละภาคเป็นโอกาสให้เขาได้อ้างอิง เชื่อมโยง ลอกเลียน หยิบยืม แสดงความระลึกและคารวะหนังชั้นครูที่ตัวเขาได้รับอิทธิพล

 

พูดอย่างรวบรัด หนังเรื่อง X ซึ่งใช้ฉากหลังในปี 1979 ได้รับแรงบันดาลใจทั้งส่วนของการผูกเรื่องและสไตล์การบอกเล่ามาจากหนัง Cult Classic เรื่อง The Texas Chain Saw Massacre (1974) ทั้งการเคลื่อนกล้อง การจัดองค์ประกอบภาพ (บางช็อตถึงกับแสดงความคารวะกันโต้งๆ) จนถึงการพาคนดูไปพบเจอกับความรุนแรงที่ทั้งดิบ เถื่อน และจู่โจมแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่ว่ากันตามจริง Ti West ก็อ้างอิงหนังอีกหลายเรื่อง ทั้งสยองขวัญและแนวอื่น ซึ่งในทางกลับกันมันก็ทดสอบภูมิรู้ทางด้านภาพยนตร์ของคนดูหนังด้วยเหมือนกัน

 

 

ส่วน Pearl ซึ่งใช้ฉากหลังในปี 1918 ก็เซอร์ไพรส์คนดูด้วยสไตล์การนำเสนอในแบบหนังฮอลลีวูดเมโลดราม่าช่วงทศวรรษ 1950 โดยเฉพาะหนังของ Douglas Sirk ทั้งสีสันจัดจ้านในแบบเทคนิคคัลเลอร์ ภาพจอกว้างในแบบหนังซีเนมาสโคป ดนตรีประกอบใหญ่โตในแบบซิมโฟนิกสกอร์

 

แล้วก็มาถึง MaXXXine ซึ่งบอกเล่าเรื่องในปี 1985 และสไตล์การนำเสนอที่ดูหนักหน่วงและหม่นมืด อัดแน่นไว้ด้วยความรุนแรง การใช้ประโยชน์จากแสงสีฉูดฉาดจัดจ้านของไฟนีออน ก็ชวนให้นึกถึงหนังฆาตกรโรคจิตเลือดสาดและหนัง Neo Noir ในช่วงทศวรรษ 1980 หลายเรื่อง (ที่แน่ๆ ก็ Dressed to Kill และ Body Double ของ Brian De Palma)

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ถูกขับเน้นอย่างตลบอบอวลก็คือการสร้างบรรยากาศวิตกกังวลและความหวาดระแวง (Paranoia) ผ่านซอกหลืบขมุกขมัวของตัวเมืองแอลเอ ผ่านฉากจำลองในโรงถ่ายที่ดูน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง ผ่านข่าวการอาละวาดของฆาตกรโรคจิตและตำรวจยังคงมืดแปดด้าน เหนืออื่นใด ผ่านเหตุการณ์ซึ่งว่าไปแล้ว ไม่ได้แตกต่างจากความเป็นไปในอเมริกาตอนนี้ นั่นคือการก่อตัวของพวกขวาตกขอบที่คลั่งศีลธรรม กระทั่งรวมกลุ่มเป็นลัทธิ และพวกเขาเรียกร้องให้ขจัดปัดเป่าสิ่งโสโครกออกไปจากสังคมด้วยวิธีปิดกั้น เซ็นเซอร์ หวงห้าม และต่อต้านในลักษณะต่างๆ นานา และจำเลยเบอร์ต้นๆ ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคของความผิดบาป สร้างอิทธิพลที่เลวร้ายให้กับเยาวชน ก็คืออุตสาหกรรมหนังและเพลง อันที่จริงหนังถึงกับให้คนดูได้เห็นกลุ่มลัทธิความเชื่อพากันมาประท้วงเย้วๆ หน้าโรงถ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

ขณะที่ในส่วนเนื้อหาของ MaXXXine (ซึ่งทิ้งช่วงจากตอนจบของ X ราวหกปี) ก็เป็นดังที่กล่าวข้างต้น หญิงสาวซึ่งอิ่มตัวกับการเล่นหนังเอ็กซ์ตัดสินใจมาทดสอบบทในหนังสยองขวัญที่ใช้ชื่อว่า The Puritan II (แน่นอนว่าชื่อหนังซึ่งหมายถึงพวกคลั่งศีลธรรมก็เหมือนกับล็อกเป้าในเชิงความหมายโดยอัตโนมัติ) และขณะที่โอกาสของหญิงสาวเปิดกว้าง และเดิมพันของเธอก็เพียงแค่ทุ่มเทให้กับบทบาทที่ตัวเองได้รับอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ความยุ่งยากกลับปะทุมาจากการที่คนรอบข้างของเธอพากันตกเป็นเหยื่อฆาตกรโรคจิตที่กำลังอาละวาดป่วนเมืองแอลเอ และสภาพศพของพวกเขาล้วนถูกตีตราไว้ด้วยสัญลักษณ์ซาตาน อย่างที่คนดูคาดเดาได้ เธอคือเหยื่อรายถัดไป

 

ถ้าหากพิจารณาเฉพาะหนังเรื่อง MaXXXine เพียงลำพัง เราก็อาจเรียกแบบเล่นๆ หลวมๆ ว่า นี่คือเรื่อง A Star Is Born หรือ La La Land ภาคสยองขวัญนั่นเอง ซึ่งจะว่าไปแล้วเค้าโครงที่ว่าด้วยตัวละครที่ดิ้นรนทุกวิถีทางบนถนนที่นำไปสู่ดวงดาวก็ถูกเล่าซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน น่าเสียดายหน่อยหนึ่งที่ภาคสามออกจะหย่อนในแง่ของความเข้มข้นชวนติดตาม แต่ไม่ว่าจะอย่างไร วรรคทองของ Bette Davis ซูเปอร์สตาร์ปากจัดรุ่นลายครามที่คนทำหนังใช้เปิดหัวเรื่อง อันได้แก่ “In this business, until you’re known as a monster, you are not a star.” ก็บอกโดยอ้อมว่าคนทำหนังไม่ได้หลงละเมอเพ้อพกไปกับเนื้อหาที่บอกเล่า หากทว่าข้อความดังกล่าวยังดูเหมือนฉายภาพในอนาคตของตัวละครแบบรำไร หรือพูดแบบไม่ต้องเปิดเผยเนื้อหาจนเกินไปนัก ก็อาจสรุปได้ว่าผลสัมฤทธิ์ของการได้อยู่ในแสงสปอตไลต์ไม่ได้หอมหวนชวนดม และในธุรกิจบันเทิง คำว่า ‘ดารา’ กับ ‘อสุรกาย’ ก็เป็นสองคำที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ และนั่นคือสิ่งที่ตัวละครอย่าง Maxine หรือใครก็ตามที่อยู่ในระหว่างวิ่งไล่ไขว่คว้าดวงดาวต้องแลก

 

 

แต่ในฐานะที่ MaXXXine เป็นส่วนหนึ่งของไตรภาค หนังทั้งสามเรื่องก็ปะติดปะต่อให้คนดูได้เห็นวิบากกรรมของผู้หญิงสองคนในสอง (หรือสาม) ช่วงเวลา ผู้ซึ่งสุดท้ายแล้วพวกเธอก็เหมือนเป็นบุคลิกเดียวกัน (เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ Ti West เลือกใช้นักแสดงคนเดียวกัน) โดยเฉพาะในคาแรกเตอร์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งหวังอันแรงกล้าแบบเดียวกัน เผชิญแรงเสียดทานและการกดทับจากสังคม (ชายเป็นใหญ่) แบบเดียวกัน สู้ไม่ถอยและอย่างชนิดหัวชนฝาเหมือนกัน และไหนๆ ก็ไหนๆ อุดมการณ์ของตัวละครทั้ง Pearl และ Maxine ก็โยงเข้ากับประโยคหนึ่งของ Maxine ที่อาจนับเป็นแก่นแกนของหนังทั้งสามภาค ซึ่งคนดูได้ยินครั้งแรกในหนังเรื่อง X และถูกตอกย้ำอีกหลายครั้งในหนังเรื่อง MaXXXine โดยเฉพาะฉากเปิดและปิดเรื่อง ประโยคนั้นอาจแปลคร่าวๆ ว่า “ฉันจะไม่ยอมจำนนให้กับรูปแบบชีวิตที่ฉันไม่คู่ควร”

 

หรือสรุปแบบรวบยอด ความฝันอยากเป็นโน่นนี่นั่นของใครสักคนก็เรื่องหนึ่ง แต่เชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนให้เครื่องยนต์ที่เรียกว่าความฝันพุ่งไปไกลแสนไกลเท่าที่จะเป็นไปได้ ต้องอาศัยหลายสิ่งพร้อมๆ กัน ทั้งการไม่ยอมจำนน การไม่ประนีประนอม ความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน ความดันทุรัง และเหนืออื่นใด ในกรณีของสองสาวในหนังไตรภาคชุดนี้ยังหมายรวมถึงความโหดเหี้ยมและเลือดเย็นในแบบฉบับของฆาตกร

 

MaXXXine (2024)

กำกับโดย Ti West

นักแสดง Mia Goth, Elizabeth Debicki, Kevin Bacon ฯลฯ

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising