ปฏิบัติการตามล่าหาตัวนายใหญ่คนใหม่ที่จะมารับหน้าที่จัดการทุกอย่างใน ‘โรงละครแห่งความฝัน’ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้จะยังไม่มี ‘ท่าที’ ที่ชัดเจนออกมาจากฝ่ายบริหารของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้คนในวงการถึงกับกุมขมับในแถลงการณ์แยกทางกับ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ด้วยการแต่งตั้งให้ ไมเคิล คาร์ริค หนึ่งในทีมสตาฟฟ์ของอดีตกุนซือชาวนอร์เวย์ (และทีมงานของโซลชาร์ทุกคนยังคงอยู่เหมือนเดิม) รับหน้าที่ในระหว่างนี้ ซึ่งสโมสรจะมองหา ‘ผู้จัดการทีมชั่วคราว’ (Interim Manager) ที่จะทำหน้าที่จนจบฤดูกาล แล้วค่อยมองหาผู้จัดการทีมตัวจริงอีกครั้ง
หากพยายามมองอย่างเข้าใจในเหตุผล ความหมายของแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นเพราะในเวลานี้ในตลาดผู้จัดการทีมไม่มีตัวเลือกที่ดีมากนัก และตัวเลือกที่ดูน่าสนใจหลายๆ คนก็อาจจะไม่สะดวกที่จะรับงานในเวลานี้ ดังนั้นการแต่งตั้งคนมาทำหน้าที่ประคองสโมสรไปจนจบฤดูกาลก่อนแล้วระหว่างนี้จึงค่อยใช้เวลาในการเฟ้นหา ‘คนที่ใช่’ อีกครั้ง
แต่ในหลักการทำงานแล้วนี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดูดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสโมสรที่บอกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษและเป็นสโมสรที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกฟุตบอล แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหากลับดูเหมือนเป็นการเพิ่มปัญหาให้มากขึ้นไปอีก และทำให้มีกระแสวิจารณ์การทำงานของบอร์ดบริหารแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดหนักขึ้น จนถึงขั้นชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วปัญหาของแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เกิดจากตัวของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ แค่คนเดียว
หากแต่เป็นทั้งระบบโดยเฉพาะกลุ่มผู้บริหารที่ขาดความรู้ความสามารถในทางเกมฟุตบอล
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนจากการข่าวล่าสุดแล้วฝ่ายบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และแก้ตัวในสิ่งที่เคยผิดพลาดได้เมื่อมีรายงานว่า เมาริซิโอ โปเชตติโน ซึ่งคุมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปัจจุบันสนใจ และเปิดกว้างที่จะรับตำแหน่งนี้
เรื่องนี้เป็นมาอย่างไรและมีโอกาสแค่ไหน?
ตัวเลือกแรกที่วนกลับมาใหม่
ความจริง เมาริซิโอ โปเชตติโน มีโอกาสที่จะได้นั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ดตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2019 แล้ว หาก เอ็ด วูดเวิร์ด รองประธานสโมสรไม่รีบร้อนตัดสินใจเสนอสัญญาผู้จัดการทีมฉบับถาวรให้แก่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เสียก่อน
เดิมอดีตนายใหญ่สเปอร์สเป็นตัวเลือกแรกที่ฝ่ายบริหารของสโมสรชื่นชอบและเป็นคนที่มีข่าวว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชื่นชมอย่างมากด้วย และเคยให้ความสนใจมาตั้งแต่ปี 2016 รวมถึงในช่วงที่มีข่าวว่าจะปลด โชเซ มูรินโญ ในช่วงปลายปี 2018 ด้วย แต่ติดที่โปเช็ตติโนยังมีภาระกับทีมจากลอนดอนอยู่ทำให้เวลานั้นโซลชาร์ ได้โอกาสในการเข้ามาช่วยเหลือสโมสรก่อนในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราว
แต่จากผลงานที่เหลือเชื่อด้วยการเก็บชัยชนะรวดเป็นสิบนัด รวมถึงหนึ่งในชัยชนะอันโด่งดังคือ การบุกไปกำราบทีมที่เหนือกว่าทุกประตูอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง ได้ถึงปาร์ค เดส์ แพรงซ์ ทำให้วูดเวิร์ดต้องทบทวนการตัดสินใจและสุดท้ายเลือกที่จะให้ตำแหน่งนี้กับโซลชาร์แทน ปิดประตูที่จะคว้าโปเชตติโนอย่างน่าเสียดาย
ความเศร้าเกิดขึ้นหลังจากนั้นเมื่อโซลชาร์ได้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้วผลงานของทีมก็ย่ำแย่อย่างน่าใจหาย ชนิดหลายคนเริ่มตั้งคำถามกับวูดเวิร์ดว่าเหตุใดจึงรีบเร่งในการเสนอสัญญาให้แทนที่จะรอให้จบฤดูกาลแล้วค่อยพิจารณาอย่างที่ควรจะเป็น
วันเวลาผ่านมา 2 ปีครึ่งนับจากนั้น โปเช็ตติโน กลับมาทำงานในวงการอีกครั้งกับเปแอสเชเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาในการมาแทนที่ โธมัส ทูเคิล ที่มาประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเชลซีในเวลานี้ ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดสุดท้ายจำเป็นต้องปลดโซลชาร์หลังผลงานเลวร้ายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
โดยตำแหน่งของกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ในการคุมหนึ่งในสุดยอดสโมสรของโลกที่มีสถานะทางการเงินเข้มแข็งที่สุดและมีสุดยอดซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะ 3 ประสาน เนย์มาร์, คีลียัน เอ็มบัปเป และลิโอเนล เมสซี ซึ่งโปเชตติโนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราชาลูกหนังโลกตัดสินใจเลือกย้ายมาเล่นในฝรั่งเศส รวมถึงผลงานในเวลานี้ที่นำโด่งในลีกเอิง และมีโอกาสจะเข้ารอบน็อกเอาต์แชมเปียนส์ลีก
มองแล้วโอกาสที่ ‘พอช’ จะทิ้งทีมเป็นไปได้น้อยมาก
อย่างไรก็ดี จากความสัมพันธ์กับผู้บริหารที่ทรงอิทธิพลอย่าง เลโอนาร์โด อดีตสตาร์แห่งปาร์ค เดส์ แพรงซ์ ที่กลายมาเป็นผู้อำนวยการสโมสรคนสำคัญในเวลานี้ กลายเป็นโอกาสที่ไม่คาดคิดสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อโปเชตติโน กลายเป็นฝ่ายที่ ‘เปิดช่อง’ เองว่าสนใจที่จะรับงานนี้
โดยตามรายงานข่าวจากหลายสำนักข่าวที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสูงตั้งแต่ BBC, The Times, Daily Telegraph ยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่ากุนซือชาวอาร์เจนไตน์สนใจที่จะรับงานนี้ และทิศทางนั้นเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่จะรอในฤดูกาลหน้า เป็นการพร้อมสำหรับตอนนี้เลย
เหตุผลสำคัญคือการที่โปเชตติโนเองก็มีความปรารถนาที่อยากจะกลับไปทำงานในพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว และแมนฯ ยูไนเต็ดก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขามาโดยตลอด อีกทั้งกับเปแอสเช การทำงานนั้นเป็นในลักษณะ ‘โปรเจกต์ระยะสั้น’ ซึ่งดูได้จากสัญญาที่เขาได้รับแค่ 18 เดือน เป็นเครื่องบ่งบอกว่าสโมสรเองก็ไม่ได้มั่นใจอะไรในตัวเขามากมาย
โปเชตติโนเองยังไม่มีบ้านที่ปารีส แม้ว่าจะทำงานมาได้ 10 เดือนแล้วก็ตาม โดยยังพักอาศัยอยู่ในโรงแรม ส่วนครอบครัวยังอยู่ในบ้านที่ลอนดอนซึ่งแม้การเดินทางจะไม่ยากลำบากอะไร แต่การที่ไม่ให้ครอบครัวโยกย้ายตามมาด้วยก็เป็นการบ่งบอกว่ากุนซืออาร์เจนไตน์เองก็ไม่มั่นใจกับอนาคตในทีม
ดังนั้นหากมีโอกาสที่จะได้คุมทีมใหญ่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด โดยที่จะมีอิสระในการทำทีมมากกว่าที่มีกับเปแอสเช ได้รับการยอมรับและชื่นชมมากกว่า และสามารถวางแผนการทำงานระยะยาว 3 ปี 5 ปีได้ ก็เป็นโอกาสที่ไม่น่าจะปล่อยให้ผ่านไปโดยที่อย่างน้อยไม่ได้คุยกัน
โอกาสแก้ตัวของแมนฯ ยูไนเต็ด
การเปิดช่องโปเชตติโนในครั้งนี้ทำให้โจทย์มหาหินที่ฝ่ายบริหารแมนฯ ยูไนเต็ดตั้งไว้ดูมีแสงสว่างขึ้นมาทันที
เพราะอย่างที่บอกไว้ว่าโปเชตติโนคือตัวเลือกเดิมอยู่แล้วแค่จังหวะชีวิตมันคลาดกันไป และเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นที่มีข่าวด้วยอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หรือ เอริก เทน ฮาก ก็ถือว่ามีความเหมาะสมที่จะรับหน้าที่
จริงอยู่ที่อาจจะมีคำครหาว่ากุนซือชาวอาร์เจนไตน์ไม่เคยประสบความสำเร็จในระดับสูงเลย แต่หากมองในวงการแล้วโปเชตติโนคือหนึ่งในกุนซือที่ได้รับการยอมรับสูงสุดของโลก และเคยเป็นที่หมายปองของทีมใหญ่มากมาย โดยที่เชื่อได้ว่าหากมีตำแหน่งว่างในสโมสรระดับยักษ์ใหญ่และเขาว่างงาน ย่อมมีโอกาสเสมอที่จะได้รับข้อเสนอให้คุมทีมนั้น
โปเชตติโนยังเป็นกุนซือสมัยใหม่ที่มีแนวทางที่ชัดเจน มีระบบวิธีคิด ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงท็อตแนม ฮอตสเปอร์ให้กลายเป็นทีมระดับท็อปของอังกฤษและของยุโรปได้ เพียงแต่ขาดการสนับสนุนที่หนักแน่นจากเจ้าของสโมสรทำให้สุดท้ายทีมพลาดโอกาสที่จะไต่ระดับไปยืนอยู่จุดสูงสุด
มองในมุมนี้ถือว่าเหมาะสมที่จะเข้ามาปรับพื้นฐานของแมนฯ ยูไนเต็ดใหม่ และงานอาจจะง่ายกว่าเดิมเพราะโซลชาร์ได้ทิ้ง ‘มรดก’ เอาไว้มากมายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น บรูโน แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวูด, ราฟาเอล วาราน, แฮร์รี แม็คไกวร์ ไปจนถึง ปอล ป็อกบา และคริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งเป็นทีมที่ดีกว่าเมื่อ 3 ปีก่อนตอนที่โปเชตติโนเริ่มมีข่าวด้วยมาก
นี่จึงเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายคือโปเชตติโน และแมนฯ ยูไนเต็ดที่จะได้แก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยกัน
แกรี เนวิลล์ ในฐานะนักวิเคราะห์ทาง Sky Sports และในฐานะตำนานของโอลด์แทรฟฟอร์ด ก็เชื่อว่าหากมีข้อเสนอจริง โปเชตติโนน่าจะรับข้อเสนอแทบจะทันทีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยเช่นกันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพราะยังไม่มีรายงานออกมาว่า เอ็ด วูดเวิร์ด หรือ ริชาร์ด อาร์โนลด์ส มีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการส่งซิกให้ของโปเชตติโนในครั้งนี้
จะขยับตัวและเร่งเดินเครื่องเจรจากับทั้งเจ้าตัวและต้นสังกัดอย่างเปแอสเชทันที และแสดงให้เห็นถึงสถานะของทีมมหาอำนาจที่แท้จริงให้สมกับความเป็นแมนฯ ยูไนเต็ดที่น่าเกรงขาม ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วเปแอสเชจะยอมเปิดทางให้หรือไม่
ที่ผ่านมาแล้วยักษ์ใหญ่ในเมืองแห่งความรักไม่เคยก้มหัวให้บรรดามหาอำนาจเก่า เหมือนกรณีล่าสุดคือการไม่ยอมให้เอ็มบัปเปย้ายไปเรอัล มาดริด ทั้งที่ได้รับข้อเสนอมหาศาล และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียไปแบบฟรีๆ ในฤดูกาลหน้า
เพราะการเจรจากับเปแอสเชไม่ใช่งานง่าย เป็นการวัดกึ๋นและทักษะการเจรจาของฝ่ายบริหารแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง แม้จะมีข่าวว่าพวกเขาอาจจะพอใจหากได้ ซีเนอดีน ซีดาน มาคุมทีมแทนโปเชตติโน ที่จะเป็นทางออกที่สวยที่สุดสำหรับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่ามันจะออกไปในหน้านั้น แม้จะมีรายงานจากผู้สื่อข่าวฝรั่งเศส ฌูเลียง ลอเรนส์ ว่ามีการติดต่อกันในเบื้องต้นแล้วก็ตาม
สัญญาณที่ถือว่าดีตามรายงานข่าวคือเปแอสเชแค่จะประเมินความเป็นไปได้ทั้งหมดหลังจบเกมกับแมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดียมในศึกแชมเปียนส์ลีกก่อนว่าโปเชตติโนมองอนาคตอย่างไร
หรือเหล่าผู้บริหารจะใส่เกียร์ว่างแล้วทำตามแผนที่คิดไว้อย่างการมองหาผู้จัดการทีมชั่วคราวที่ยังไม่รู้ว่าจะมีใครจะอยากรับงานบ้าง หรือจะให้ ไมเคิล คาร์ริค คุมทีมต่อไปเหมือนที่โซลชาร์เคยได้โอกาส
หรือจะมีแผนทีเด็ดอะไรซุกไว้อีก?
หลังจบเกมแชมเปียนส์ลีกกับบียาร์เรอัล ในคืนนี้เราอาจจะได้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น
อ้างอิง:
- https://www.telegraph.co.uk/football/2021/11/22/manchester-united-alerted-mauricio-pochettino-friction-psg/
- https://www.bbc.com/sport/football/59373051
- https://www.bbc.com/sport/football/59372826
- https://www.skysports.com/football/news/11667/12475354/mauricio-pochettino-psg-head-coach-interested-in-taking-man-utd-job
- https://www.thetimes.co.uk/article/c4336e74-4bcd-11ec-a89c-4bee41baeb9c?shareToken=7db18fdf3517c1bd61ec5bb82627f5da