ถึงวันนี้ต่อให้หลายคนผลิตคอนเทนต์ดีแค่ไหน ถ้าไม่มีเครื่องมือมาช่วยวางกลยุทธ์ ก็อาจทำให้คอนเทนต์นั้นไปไม่ถึงผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคการแข่งขันการตลาดที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีเครื่องมือการตลาดจำนวนมากที่นำมาช่วยวิเคราะห์ เพื่อหากลุ่มเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาคอนเทนต์ต่อจากนี้
สมาคมผู้สื่อข่าวออนไลน์จับมือ MarTech Association ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้จัดอบรมเสริมทักษะยุคดิจิทัลภายใต้หัวข้อ ความสำคัญของ ‘MarTech’ กับอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลในยุค Digital Era หรือยุคดิจิทัล ที่เป็นการเรียกรวมๆ ของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
โดยปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันทุกๆ ธุรกิจได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลากหลายท่ามกลางการแข่งขันที่สูงมากขึ้น หลายองค์กรเริ่มนำเครื่องมือ MarTech เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้แบรนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง รักษา และตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุดที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สิ่งที่น่าสนใจคือ จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ นายกสมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาด MarTech ที่มาฉายภาพถึงการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการตลาด ซึ่งจริงๆ แล้วเครื่องมือ MarTech สามารถทำให้เห็นประโยชน์จากข้อมูลโซเชียลมีเดียตามด้วยการสร้างวัฒนธรรมในการให้ข้อมูล เข้าใจข้อมูลเชิงลึก และแบ่งลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ชัดเจน รวมถึงช่วยให้หาไอเดียใหม่ในการสร้างเนื้อหาการทำตลาด การโฆษณา และการทำ SEO ได้
หากเจาะลงมาถึง Customer Segmentations เข้าใจข้อมูลเชิงลึกและแบ่งลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Nike จะโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เล่นกีฬาและชอบการออกกำลังกาย เพื่อสร้างรอยัลตี้แบรนด์และความสัมภาษณ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า โดยใช้กลยุทธ์นำนักกีฬาที่เป็นนักแสดงชื่อดังมาใช้โฆษณาสินค้า
เช่นเดียวกับ เกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Wisesight กล่าวต่อถึงช่องทางการใช้โซเชียลมีเดียที่ธุรกิจเลือกใช้ ปัจจุบันมี 5 แพลตฟอร์ม เริ่มตั้งแต่อันดับสูงสุด คือ Facebook ตามด้วย X (Twitter) รองลงมาคือ Instagram, YouTube และ TikTok หากย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน แบรนด์จะให้ความสำคัญกับ Facebook มาเป็นอันดับต้นๆ แต่วันนี้เริ่มเปลี่ยนมา Instagram และ X (Twitter) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีคนรุ่นใหม่ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกใช้ Facebook ไปเลย จริงๆ แล้วสาเหตุที่แบรนด์ยังทำตลาดอยู่ในแพลตฟอร์มคือจำเป็นต้องอยู่ เพราะรู้ว่าผู้บริโภคอยู่ตรงนั้น”
ดังนั้นคอนเทนต์ที่จะผลิตไปในแต่ละแพลตฟอร์มจะไม่เหมือนกัน แต่เท่าที่เห็นแบรนด์จะทำคอนเทนต์แบบเดิมๆ ในธุรกิจสื่อก็เจอเหมือนกัน เราจะผลิตคอนเทนต์อย่างไรให้ใช่ ให้ปัง ซึ่งไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนเร็ว ดังนั้นใครเรียนรู้เร็วกว่าชนะ ใครทำเป็นก่อนได้เปรียบ ขณะเดียวที่แพลตฟอร์ม TikTok ก็มีเริ่มมีจำนวนแอ็กเคานต์เพิ่มขึ้น 70%
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคอนเทนต์จะปัง ซึ่งปัจจุบันการผลิตคอนเทนต์ให้ปังและได้รับยอดเอ็นเกจเมนต์สูงสุดในปี 2023 คือคลิปตลกที่สูงถึง 37% ตามด้วยคลิปสัตว์ 7% คลิปเพลง คลิปรีวิวอาหาร และคลิปเด็ก 6% ส่วนคลิปทำอาหาร 5% และคลิปคนหน้าตาดี 3% ซึ่งคลิปวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นคลิปที่มีความยาวมากกว่า 1นาที
รวมไปถึงคอนเทนต์คู่จิ้นที่ยังได้รับความนิยม เห็นได้จากเอ็นเกจเมนต์รวมมากถึง 1,237 ล้านครั้ง และถูกพูดถึงบนช่องทางโซเชียลมีเดียมากกว่า 4 ล้านข้อความ ดังนั้นการเลือกเครื่องมือ MarTech ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามาช่วยให้คอนเทนต์ไปถึงกลุ่มเป้าหมายของเราได้ตรงจุดที่สุด
อีกหนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจคือ คอนเทนต์ที่เรามีอยู่แล้วจะสามารถไปตอบโจทย์มาร์เก็ตเตอร์ได้หรือไม่ ณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์ CEO & Founder Predictive ฉายภาพว่า เราต้องพยายามเก็บข้อมูลหาอินไซต์ออกมา เราจะรู้ว่าทาร์เก็ตคือกลุ่มไหน และถ้าเริ่มเก็บขอ้มูลเชิงลึกเราจะสามารถตั้งราคาได้สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าแบรนด์สื่อ สามารถเก็บข้อมูลของเซเลบริตี้ได้ประมาณ 1,000 คน จะทำให้ดึงคนเข้ามาอ่านเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ได้
สเต็ปถัดไปก็ไปกำหนดกลยุทธ์ มองกลุ่มเป้าหมายว่าคนที่ชอบรถยนต์ที่ชอบสุขภาพด้วยเราจะสามารถสร้างคอนเทนต์ออกมาตอบโจทย์ได้อย่างไร เพราะบางคนไม่ต้องการเห็นโฆษณาและยอมจ่าย หรือมีการทำแคมเปญพาร์ตเนอร์ ซึ่งสำคัญมากๆ แต่เราต้องรู้ว่าดาต้าเรามีจุดแข็งและแตกต่างจากคนอื่น
สุดท้ายแล้วเครื่องมือ Digital Marketing ตลอดจนเครื่องมือในการทำ SEO หรือแม้แต่เครื่องมือสำหรับการสร้างโฆษณา เครื่องมือสำหรับทำคอนเทนต์ ที่ปัจจุบันมีอยู่หลากหลาย สามารถเป็นตัวช่วยให้หลายๆ ธุรกิจเดินหน้าแซงคู่แข่งได้เลยทีเดียว