×

Market Neutral กลยุทธ์การลงทุนรับมือตลาดหุ้นผันผวน

28.09.2025
  • LOADING...
market-neutral-strategy-stagflation-risk

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดการเงินทั่วโลกได้รับแรงสนับสนุนจากหลายปัจจัย ทั้งความคืบหน้าในการเจรจาต่อรองอัตราภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าสำคัญหลายประเทศ การดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอผ่านร่างกฎหมาย One Big, Beautiful Bill Act ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นการบริโภคผ่านการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษีให้แก่ครัวเรือน และสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ รวมถึงท่าทีของผู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ที่ช่วยคลายความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นอกจากนี้อัตราการทำกำไรยังคงแข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ที่ขับเคลื่อนด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ AI ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวดีขึ้นได้อย่างโดดเด่น โดยดัชนี S&P 500 ได้ทำสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ไปมากกว่า 20 ครั้งในปีนี้

 

ความแข็งแกร่งของตัวเลขเศรษฐกิจ และผลกำไรของบริษัท ทำให้นักลงทุนหลายรายมองข้ามความเสี่ยงในระยะยาวจากประเด็นสงครามการค้า แม้ว่าจะมีการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีไปบ้าง แต่ในท้ายที่สุดอัตราภาษีดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเข้าสู่ช่วงที่เหลือของปีนี้ ความเสี่ยงที่เคยถูกมองข้ามจะมีแนวโน้มเด่นชัดขึ้น จากสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจผ่านข้อมูลการสำรวจ (Soft Data) ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ที่สะท้อนให้เห็นถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ปริมาณเงินออมในภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับต่ำ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่อ่อนตัวลงทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ บ่งชี้ถึงความกังวลของผู้ผลิตต่อผลกระทบหลังจากการเร่งส่งออก (Front-Loading) ในช่วงก่อนหน้า โดยระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับความต้องการบริโภคที่ลดลง ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในภาคการผลิต

 

นอกจากนี้ ภาคการจ้างงานที่เคยแข็งแกร่งมาตลอดในช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นการชะลอตัวลง และอัตราว่างงานที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น เครื่องมือเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในอนาคต อีกหนึ่งความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้ามได้แก่ ความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงขึ้นหลังจากที่อัตราภาษีนำเข้าส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น ทำให้ผู้นำเข้าผลักภาระบางส่วนผ่านการขึ้นราคาของสินค้า ทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงเข้าสู่สภาวะ Stagflation หรือสภาวะอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ที่จะส่งผลให้ธนาคารกลางไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เมื่อนำปัจจัยความเสี่ยงดังกล่าวมาพิจารณารวมกับระดับราคา (Valuation) ของตลาดหุ้นที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอาจปรับฐานและมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในอนาคต

 

ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้ นักลงทุนที่ยังคงพึ่งพากลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุกเพียงอย่างเดียวจึงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาด กลยุทธ์ Market Neutral จึงเป็นตัวเลือกที่มีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่การลดผลกระทบจากทิศทางของตลาดในภาพรวม ผ่านการลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งฝั่งซื้อ (Long) และขายชอร์ต (Short) ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยมุ่งเน้นการใช้ความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่างบริษัทหรือกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น การเลือกถือหุ้นที่คาดว่าจะมีปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง และขายชอร์ตหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอกว่า เพื่อลดผลกระทบจากทิศทางของตลาด และยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง 

 

นอกจากนี้ กลยุทธ์ดังกล่าวยังมีความสัมพันธ์กับผลตอบแทนของตลาดโดยรวมต่ำ ทำให้นักลงทุนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นกลยุทธ์ข้างต้นยังคงมีความน่าสนใจในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน เนื่องจากผลตอบแทนของกองทุนมีความสัมพันธ์กับผลตอบแทนของตลาดที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนได้ประโยชน์ในแง่ของการกระจายความเสี่ยงอีกด้วย 

 

แม้ว่ากลยุทธ์ Market Neutral จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ผลตอบแทนโดยรวมมักไม่สูงเมื่อเทียบกับกลยุทธ์การถือลงทุนในช่วงตลาดขาขึ้น และการเข้าถึงกลยุทธ์ดังกล่าวโดยตรงผ่านเฮดจ์ฟันด์ (Hedged Funds) มักจำกัดอยู่กับนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูง อย่างไรก็ดีนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในลักษณะข้างต้นผ่านการลงทุนในกองทุนฟีดเดอร์ เช่น กองทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล อิควิตี้ แอพโซลูทรีเทิร์น (SCBGEAR) ที่มีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนหลักที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศทั่วโลก หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Asia Pacific Equity Absolute Return (SCBABSAP) ที่ลงทุนในหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

 

โดยทั้งสองกองทุนมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนแบบ Absolute Return โดยมีลักษณะการบริหารแบบ Market Neutral Strategy โดยมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และมีผลตอบแทนย้อนหลังที่สม่ำเสมอและความผันผวนต่ำกว่ากองทุนรวมตราสารทุนทั่วไป เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปกป้องพอร์ตและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาด การจัดสรรกลยุทธ์ดังกล่าวในพอร์ตการลงทุนรอง (Satellite Portfolio) ในลักษณะของ “กันชน” เพื่อใช้รักษาเสถียรภาพ และลดความเสี่ยงขาลงของพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) ในภาพรวม ทั้งนี้กองทุนประเภท Absolute Return ถูกจัดให้เป็นกองทุนรวมความเสี่ยงสูง/ซับซ้อน เนื่องจากมีการลงทุนในสินทรัพย์ซับซ้อน เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า  

 

ภาพ: Maximusnd/Getty Images 

 

หมายเหตุ: 

  • Complex Fund กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน 
  • กองทุนหลักมีการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ long/short market neutral เป็นการลงทุนที่มีกลยุทธ์แบบซับซ้อน ดังนั้น ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด และ/หรือได้รับเงินต้นคืนไม่เต็มจำนวน และ/หรือผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อันเกิดจากสาเหตุ เช่น มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุน เคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับที่คาดการณ์ เป็นต้น 
  • การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีความซับซ้อน ซึ่งมีปัจจัยอ้างอิง มีความแตกต่างจากการลงทุนในปัจจัยอ้างอิงโดยตรง จึงอาจทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนดังกล่าวมีความผันผวนแตกต่างจากราคาของปัจจัยอ้างอิงได้ 
  • กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ 
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ บลจ. ไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777 www.scbam.com
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising