เกิดอะไรขึ้น:
วานนี้ (10 ตุลาคม) บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ได้จัดงาน ‘TKN Analyst & Key Investor Meeting’ เพื่อแถลงความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรใหม่อย่าง Orion Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายขนมชั้นนำของโลก (Top 15) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ TKN แต่เพียงผู้เดียวในจีน (จากเดิมมีตัวแทนจำหน่ายในจีนอยู่ 3 ราย)
ทั้งนี้จากงานแถลงข่าวพบว่าผู้บริหารมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน หลังมีความร่วมมือทางพันธมิตรกับ Orion Corp. ซึ่งมีข้อมูลตลาดเชิงลึกและประสบการณ์ในตลาดจีนกว่า 30 ปี ตลอดจนมีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 1.5 แสนจุด โดยปี 2563-2565 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายในจีนเติบโตราวปีละ 30%
นอกจากนี้ผู้บริหารยังเปิดเผยว่ามูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยวในจีนอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายคิดเป็น 0.5% ของมูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยว ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดย TKN มีส่วนแบ่งตลาดสาหร่ายในจีนราว 30% ขณะที่มูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยวของไทยอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายคิดเป็น 10% ของมูลค่าขนมขบเคี้ยว ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท โดย TKN มีส่วนแบ่งตลาดสาหร่ายในไทยราว 70% ดังนั้นหากสัดส่วนตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายในจีนเพิ่มขึ้นจะทำให้บริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีก
ทั้งนี้ TKN มองว่าการร่วมมือกับ Orion Corp. จะช่วยเสริมศักยภาพด้านเครือข่ายให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่เพียงแต่เฉพาะตลาดจีนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมพื้นที่เกาหลีใต้ รัสเซีย และเวียดนาม ซึ่งมีโอกาสที่บริษัทจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปตลาดใหม่ๆ เหล่านี้เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายของ TKN ให้เติบโตแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2567
กระทบอย่างไร:
วานนี้ราคาหุ้น TKN เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นไปทำจุดสูงสุดที่ 12.20 บาท และกลับมาปิดที่ราคา 11.80 บาทเพิ่มขึ้น 0.85% DoD ตลอดจนมีปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นตลอดทั้งวัน ขณะที่วันนี้ราคายังปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.85% DoD
มุมมองระยะสั้น:
แม้ช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของ TKN ไม่สู้ดีนัก กล่าวคือหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับตั้งแต่ไตรมาส 2/60 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/62 (เว้นไตรมาส 2/61 ที่เติบโต YoY จากฐานกำไรต่ำ) และไตรมาส 3/62 คาดผลการดำเนินงานยังคงอ่อนแอ เนื่องจากบริษัทยังมีค่าใช้จ่ายสูงจากการทำการตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมทั้งมีอัตรากำไรลดลงเนื่องจากอัตราใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เกิดผลการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ลดลง
แต่ SCBS คาดผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมาเติบโต YoY ตั้งแต่ไตรมาส 4/62 เป็นต้นไป เนื่องจาก TKN จะเริ่มรับรู้คำสั่งซื้อของ ORION ซึ่งทำให้ยอดขายดีขึ้น และเกิดผลประหยัดต่อขนาดจากอัตราใช้กำลังผลิตที่สูงขึ้น ส่วนไตรมาส 1/63 มีปัจจัยบวกเพิ่มจากการเริ่มรับรู้ต้นทุนสาหร่ายใหม่ที่มีราคาลดลง ดังนั้นปี 2563 จึงคาดว่าจะเป็นปีที่ TKN จะเริ่มมีผลการดำเนินงานกลับมาเติบโตสดใสมากกว่า 30% YoY หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องมา 3 ปีก่อนหน้า
มุมมองระยะยาว:
ระยะยาว SCBS มีมุมมองบวกต่อความร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจาก ORION เป็นผู้ที่มีเครือข่ายในการจัดจำหน่ายรายใหญ่ในจีน ซึ่งคาดว่าจะทำให้สินค้าของ TKN เข้าถึงตลาดจีนได้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนมีโอกาสที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาสินค้าขนมขบเคี้ยว Co-Brand เพื่อผลักดันการเติบโตต่อไปในอนาคต รวมถึงศึกษาการนำสินค้าของ TKN เข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น เกาหลีใต้ และรัสเซีย ซึ่ง ORION มีฐานลูกค้าและตัวแทนจัดจำหน่ายอยู่เช่นกัน ดังนั้นจากนี้นักลงทุนคงต้องติดตามแผนขยายตลาดและสินค้าใหม่จากความร่วมมือกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งคาดว่าจะช่วยต่อยอดธุรกิจให้ทั้งสองบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
ข้อมูลพื้นฐาน:
บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้แบรนด์ ‘เถ้าแก่น้อย’ รวมถึงขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพประเภทอื่นๆ โดยผลิตสินค้าหลักคือสาหร่ายแปรรูป แบ่งเป็น 1.สาหร่ายทอดกรอบ 2.สาหร่ายย่าง 3.สาหร่ายเทมปุระ 4.สาหร่ายอบ โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากไทย : จีน : อื่นๆ ราว 39% : 39% : 22%
Orion Corp. ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวรายใหญ่ในเกาหลีใต้ ซึ่งได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1950 โดยมีสินค้าที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี ได้แก่ Choco Pie Cake และ Pokachip Potato Chips ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ได้แก่ จีน เวียดนาม และรัสเซีย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากเกาหลี : จีน : อื่นๆ ราว 36% : 46% : 18%