เกิดอะไรขึ้น:
28 มกราคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเผยว่าได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านโครงการ ‘ชิมช้อปใช้ เฟส 4’ ด้วยวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงยังมีแผนส่งเสริมมาตรการ ‘ไทยเที่ยวไทยไปด้วยกัน’ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ
ขณะวันนี้ (30 มกราคม) จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7,711 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 170 ราย
กระทบอย่างไร:
วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนไหวในแดนบวกและปิดที่ 1,524.59 จุด เพิ่มขึ้น 11.33 จุด หรือ 0.75% คาดว่าเป็นการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับลดลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง 2 วัน ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและได้แรงหนุนจากมาตรการดังกล่าวคือ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปรับเพิ่มขึ้น 2.21% DoD ส่วนหุ้นโรงแรมเป็น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 0.79% DoD ทางด้าน บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) และ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ขณะที่หุ้นสายการบินยังปรับลดลงต่อ โดย บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ราคาหุ้นวันนี้ลงแรง 3.83% DoD, บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ลดลง 0.86% DoD ส่วน บมจ.การบินไทย (THAI) ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง
มุมมองระยะสั้น:
SCBS ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงได้ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าหากทางการจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ภายใน 3 เดือน จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 2 ล้านคนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2563 ซึ่งจะทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนในช่วงดังกล่าวหายไปราว 1 แสนล้านบาท
สำหรับภาพตลาดหุ้นยังคงมีความกังวลจากการที่รัฐบาลจีนประกาศห้ามประชาชนออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นไทยหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มโรงแรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งคาดว่า ERW จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ตามด้วย CENTEL และ MINT ที่ได้รับผลกระทบลดหลั่นกันลงมา เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นที่ช่วยชดเชยได้ สำหรับกลุ่มสนามบินและสายการบินก็ได้รับผลกระทบจากรายได้ค่าบริการและค่าโดยสารที่ลดลง
ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์มีโอกาสเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนนำเข้าจากจีน หากทางการจีนมีการปิดโรงงานผลิตเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ทั้งนี้ในระยะสั้นต้องติดตามการออกมาตรการจากภาครัฐที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และมาตรการอื่นๆ ที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจหลังจากได้รับผลกระทบของเชื้อไวรัสนี้
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองว่าตลาดยังคงกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาต่อไป อย่างไรก็ดี หากทางรัฐบาลจีนเริ่มสามารถควบคุมและระงับการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวได้จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อทิศทางราคาหุ้นในเชิงเซนทิเมนต์ ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ข้อมูลเพิ่มเติม
% DoD คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับวันทำการก่อนหน้า
