เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 บมจ. แสนสิริ (SIRI) รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 จำนวน 918 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 39%YoY และ 203%QoQ) โดยมีรายได้ 7.2 พันล้านบาท (ลดลง 7.3%YoY แต่เพิ่มขึ้น 47.2%QoQ) แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 90% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจอื่น
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยลดลงสู่ 30.5% จาก 31.6% ใน 1Q65 และ 32.6% ใน 2Q64 โดยอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงอยู่ที่ 32.8% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 20.6% ต่ำกว่า 1Q65 แต่สูงกว่า 2Q64 เล็กน้อย จากการประหยัดต่อขนาด
ทั้งนี้ ใน 2Q65 SIRI บันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินจำนวน 61.6 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงสู่ 231 ล้านบาท (ลดลง 19%YoY และ 29%QoQ) จากการนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้ดอกเบี้ยของที่ดินที่นำมาพัฒนาสามารถบันทึกเป็นต้นทุนได้
นอกจากนี้ SIRI ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H65 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 29 สิงหาคม 2565 โดยกำไรสุทธิ 1H65 อยู่ที่ 1.22 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 16.7%YoY)
กระทบอย่างไร:
ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น SIRI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.81% สู่ระดับ 1.09 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.04% สู่ระดับ 1,625.92 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
ณ วันที่ 14 สิงหาคม SIRI ทำยอดขายได้แล้ว 2.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 67% ของเป้ายอดขายปี 2565 ที่บริษัทวางไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 34%YoY) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2565 SIRI เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วรวม 24 โครงการ มูลค่า 3.0 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60% ของมูลค่าโครงการใหม่ทั้งหมดที่บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2565 ที่ 5.0 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 665%YoY)
โดยในช่วงต้น 3Q65 SIRI ได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ในกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี: นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ราคาขาย 50-95 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวม 5.8 พันล้านบาท ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดี โดยสามารถขายได้ 90% ในช่วงเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ
อย่างไรก็ดี SCBS เชื่อว่าโครงการแนวราบกลุ่มตลาดระดับบนและลักชัวรี นาราสิริและบุราสิริ จะช่วยสนับสนุนให้ SIRI ทำยอดขายได้ถึงเป้าที่บริษัทวางไว้ ซึ่งปัจจุบัน SIRI มี Backlog มูลค่า 2.37 หมื่นล้านบาท โดย 53% จะรับรู้เป็นรายได้ใน 2H65, 33% ในปี 2566 และ 14% ในปี 2567
SCBS คาดว่า กำไรสุทธิปี 2565 จะอยู่ที่ 2.74 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 36%YoY) และคาดการณ์รายได้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8%YoY) โดยมี Secured Revenue ที่ 81% ส่วนแบ่งกำไรจาก JV น่าจะปรับตัวดีขึ้นใน 2H65 โดยได้รับการสนับสนุนจาก Backlog ในปัจจุบันของ JV ที่ 2 พันล้านบาท
สำหรับปัจจัยเสี่ยงและความกังวลที่จะต้องติดตามคือ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นโดยรวม และจะทำให้บริษัทต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 3-5% นอกจากนี้จะต้องจับตาดูสถานะทางการเงินและกระแสเงินสดของ SIRI เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในปัจจุบันอยู่ที่ 1.93 เท่า และบริษัทจะออกหุ้นกู้อีกราว 5 พันล้านบาท ใน 2H65