เกิดอะไรขึ้น:
ราคาหุ้น PTTGC (ลดลง 5%) ปรับตัว Underperform SET (ลดลง 2%) อยู่เล็กน้อยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10%YTD สะท้อนถึงความสนใจที่มีต่อ PTTGC มากขึ้น สืบเนื่องมาจากมุมมองที่ว่าบริษัทได้ผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดไปแล้ว ขณะที่มีปัจจัยบวกกระตุ้น 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้
ปัจจัยกระตุ้น 1: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะทำให้นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจมากขึ้น โดยคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีนจะหนุนให้ความเชื่อมั่นที่ตลาดมีต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ท่ามกลางความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่ยังคงมีอยู่
ผลกระทบของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้อาจมีไม่มากนัก แต่อาจจะเป็นการปูทางไปสู่การออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซบเซา และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยมาตรการนี้จะส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 20% ในพอร์ตของ PTTGC (รวมถึง Allnex) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ปัจจัยกระตุ้น 2: อุปทานอีเทนที่เพิ่มขึ้นจาก PTT EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์ของ PTTGC คาดว่าปรับตัวดีขึ้นจากการได้รับวัตถุดิบอีเทนจากโรงแยกก๊าซของ PTT (GSP) เพิ่มมากขึ้น หลังจากโครงการ Block G1/61 (เอราวัณ) เพิ่มอัตราการผลิตเต็มกำลังที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นจาก 200-295 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในปี 2566 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนวัตถุดิบอีเทนเพิ่มขึ้นจาก 35% ในปี 2566 สู่ระดับเกือบ 40%
และจะหนุนให้ Adjusted EBITDA ของกลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์กลับมาเป็นบวก เทียบกับติดลบ 880 ล้านบาท ในปี 2566 ปริมาณอีเทนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นใน 2H67 หลังจากที่มีการหยุดเดินเครื่อง GSP ของ PTT ตามแผนใน 2Q67
ปัจจัยกระตุ้น 3: ส่วนต่างราคา PE คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วกว่า PP โดยคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PE จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า PP โดยอัตราการผลิต HDPE จะปรับขึ้นถึงค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 80% ในปี 2568 แนวโน้มเช่นนี้จะส่งผลดีต่อ PTTGC เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบ ทำให้มีความได้เปรียบ
ด้านต้นทุนในการผลิตเอทิลีนและ PE มากกว่าคู่แข่ง กำลังการผลิตเอทิลีนและ PE คิดเป็น 33% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของ PTTGC และบริษัทร่วมทุน ราคา PE เฉลี่ยใน 2Q67TD เพิ่มขึ้น 4%YoY และ 2%QoQ สู่ 1,065 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTTGC ปรับขึ้น 1.37% สู่ระดับ 37.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.42% สู่ระดับ 1,370.83 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research ปรับคำแนะนำสำหรับ PTTGC ขึ้นจาก NEUTRAL สู่ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 48 บาทต่อหุ้น ซึ่งอิงกับ PBV (ปี 2567) ที่ 0.8 เท่า เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และ Valuation ไม่แพงที่ PBV (ปี 2567) ระดับ 0.6 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น EV/EBITDA (ปี 2567) ได้ที่ 7.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 10.7 เท่า และหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 11.5 เท่า
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น คาดว่าผลประกอบการ 2Q67 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิใน 2Q66 และ 1Q67 กำไรสุทธิจะได้รับการสนับสนุนจาก EBITDA Margin ที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์และกลุ่มธุรกิจอะโรเมติกส์ ซึ่งจะถูกลดทอนโดย Market GRM ที่ลดลง โดยมีสาเหตุมาจาก Crack Spread ที่ลดลงของผลิตภัณฑ์ Middle Distillate (น้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบิน)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ราคาน้ำมันดิบและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมี
- อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีฟื้นตัวช้ากว่าคาด
- การด้อยค่าของสินทรัพย์
- การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (<3% ของกำลังการผลิต)
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลในการจัดสรรอุปทานก๊าซภายในประเทศให้แก่ธุรกิจปิโตรเคมี
ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจหมุนเวียน