เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q64 ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) คาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTTGC ปรับตัวลง 2.56%MoM อยู่ที่ระดับ 57.00 บาท แย่กว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.38%MoM สู่ระดับ 1,643.44 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2565)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า PTTGC จะรายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ลดลง 25%YoY และ 31%QoQ สู่ 4.8 พันล้านบาท เพราะธุรกิจโอเลฟินส์และธุรกิจอะโรเมติกส์อ่อนแอลง เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์แคบลงและอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันจะได้รับการสนับสนุนจาก Market GRM ที่สูงขึ้นสำหรับน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำ
กำไรปกติจะลดลง 18.3%YoY และ 60.9%QoQ สู่ 3.4 พันล้านบาท จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่แคบลงของธุรกิจโอเลฟินส์และธุรกิจอะโรเมติกส์ อย่างไรก็ดี กำไรปกติจะได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน อันเป็นผลมาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงและ GRM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 3Q64 โดยเกิดจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของ Crack Spread ผลิตภัณฑ์ Middle Distillate (70% ของผลผลิตทั้งหมด) และ LSFO (16%)
นอกจากนี้ SCBS ยังคาดว่า PTTGC จะบันทึกกำไรสต๊อกจำนวน 700 ล้านบาท เมื่อพิจารณาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2564 หลังจากลดลงจากจุดสูงสุดในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2564
ด้านธุรกิจโอเลฟินส์คาดว่า Adjusted EBITDA Margin จะลดลงต่อเนื่อง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงของโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์ อันเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีน้อยลง เพราะราคาแนฟทาสูงขึ้น ส่งผลทำให้บริษัทลดอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงแครกเกอร์ที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบ รวมถึง Olefins Reconfiguration Project (ORP) ลง
อย่างไรก็ดี โรงโอเลฟินส์แครกเกอร์ที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบน่าจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต เพราะต้นทุนวัตถุดิบแข่งขันได้มากขึ้น ซึ่งน่าจะเพียงพอสนับสนุนการดำเนินงานของโรงงานผลิต PE ที่เป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ซึ่งดำเนินงานที่อัตราการใช้กำลังการผลิต >100% ซึ่งคาดว่า Adjusted EBITDA ของธุรกิจโอเลฟินส์จะลดลงจาก 18% ใน 3Q64 สู่ 16% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 3Q63
ธุรกิจอะโรเมติกส์คาดว่ากำไรจะลดลงครึ่งหนึ่งจาก 3Q64 ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ลดลงใน 4Q64 เพราะราคาผลิตภัณฑ์ลดลงและต้นทุนวัตถุดิบ (คอนเดนเสท) เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบทำให้ Product-to-Feed Margin ใน 4Q64 ลดลงจาก 188 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ใน 3Q64 สู่ 111 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ต่ำที่สุดในปี 2564 นอกจากนี้ PTTGC ยังลดอัตราการใช้กำลังการผลิตลงจาก 100% ใน 3Q64 สู่ 95-97% ใน 4Q64 เพราะอุปสงค์จากผู้ผลิต PTA และ SM ที่เป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำชะลอตัวลง โดยมีสาเหตุมาจากระดับสินค้าคงคลังสูง
ส่วนธุรกิจ Performance Materials & Chemicals อ่อนแอลง QoQ เพราะหยุดซ่อมบำรุง ธุรกิจฟีนอลเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ PMC ใน 9M64 โดยเกิดจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม กำไรจากธุรกิจฟีนอลจะลดลงอย่างมาก QoQ ใน 4Q64 โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานฟีนอล 1 เป็นเวลา 1 เดือน
แม้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ยังแข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้น 31%QoQ) โรงงาน PO/โพลีออล ก็หยุดซ่อมบำรุงใน 4Q64 ในขณะที่อัตราการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 60%± ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรจากกลุ่มธุรกิจ PMC จะลดลง 35%QoQ แม้ว่ายังคงเพิ่มขึ้น 29%YoY
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่า กำไรปี 2565 มีแนวโน้มลดลงจากฐานสูงในปี 2564 (ได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ดีและกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ (หุ้นบางส่วนใน GPSC)) และการหยุดซ่อมบำรุงโรงโอเลฟินส์แครกเกอร์หลักตามแผนในปี 2565 จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานปี 2565 แม้ว่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากกำไรจาก Allnex ซึ่งบริษัทเข้าซื้อกิจการเมื่อสิ้นปี 2564
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคาน้ำมัน อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลง และความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสั่งห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (<3% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อผลประกอบการด้วย ซึ่งคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด