เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q67 ของ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 8 พฤษภาคม 2567
โดยคาดว่ากำไร 1Q67 จะปรับตัวขึ้นแรง QoQ จากเพียง 193 ล้านบาท ใน 4Q66 สู่ 3.5 พันล้านบาท (0.29 บาทต่อหุ้น) โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรขั้นต้น/ลิตรระดับสูงของกลุ่มธุรกิจ Mobility และไม่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบต่อกำไรใน 4Q66 นอกจากนี้ ยังคาดว่า EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle (Non-oil) จะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากค่าใช้จ่ายที่ลดลง และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
กลุ่มธุรกิจ Mobility: คาดว่าความต้องการน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง จะฉุดรั้งให้ปริมาณการขายโดยรวมลดลง 6.9%QoQ สู่ 6.5 พันล้านลิตรใน 1Q67 ลดลง 7.2%YoY จากปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลที่ลดลงในกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติกลับสู่ระดับปกติ อย่างไรก็ตาม กำไรของธุรกิจ Mobility จะได้แรงหนุนจากกำไรขั้นต้น/ลิตรที่เพิ่มขึ้นสู่ 1.2 บาท (เพิ่มขึ้น 19%YoY และ 60%QoQ) รวมถึงกำไรสต็อก ค่าการตลาดจากการค้าปลีกน้ำมันยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ในขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลได้รับแรงกดดันจากการควบคุมราคาโดยรัฐบาล
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle: EBITDA จากกลุ่มธุรกิจ Lifestyle น่าจะเพิ่มขึ้น 5%QoQ ใน 1Q67 ซึ่งเป็นผลมาจาก EBITDA Margin ที่ดีขึ้นที่ 26.5% เทียบกับ 25.6% ใน 4Q66 และปริมาณการขายที่สูงขึ้นที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน (เพิ่มขึ้น 9%QoQ) ในขณะที่ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเมินได้ว่าจำนวนแก้วที่ขายได้ต่อสาขาของร้านคาเฟ่ อเมซอน จะเพิ่มขึ้น 7.5%QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น 1%QoQ
กลุ่มธุรกิจ Global: ธุรกิจในฟิลิปปินส์ของ OR น่าจะกลับมาช่วยสนับสนุนกำไรของกลุ่มธุรกิจ Global ใน 1Q67 เนื่องจากความต้องการน้ำมันเครื่องบินและ LPG เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการน้ำมันดีเซลจากลูกค้าอุตสาหกรรมยังมีน้อย ซึ่งคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มธุรกิจ Global จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากฐานต่ำใน 4Q66 แต่สัดส่วน EBITDA จะยังอยู่ในระดับต่ำที่ 7% ใน 1Q67 ไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2566
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น OR ปรับขึ้น 1.65% สู่ระดับ 18.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.18% สู่ระดับ 1,363.25 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research คาดว่ากำไรของ OR จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยจะเติบโต 16% เทียบกับเติบโต 7% ในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากปริมาณการขายที่สูงขึ้นจากทั้งสามกลุ่มธุรกิจ – Mobility Lifestyle และ Global – ในขณะที่บริษัทยังคงเปิดสถานีบริการน้ำมันและขยายสาขาร้านค้าในธุรกิจ Non-oil อย่างต่อเนื่อง โดยใช้สมมติฐานกำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่ 1 บาทต่อลิตร และ EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่ 25% ซึ่งต่ำกว่า 25.4% ในปี 2566 เล็กน้อย
ส่วน 2Q67 คาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดในประเทศไทย แม้ว่าจะมีแรงกดดันบางส่วนต่อค่าการตลาดจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ราคาหุ้น OR (-3% YTD) Outperform SET (-4%) อยู่เล็กน้อย โดยซื้อขายที่ P/E (ปี 2567) ระดับ 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ 27 เท่า ค่อนข้างมาก
InnovestX Research ยืนยันคำแนะนำ Outperform สำหรับ OR โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 27 บาทต่อหุ้น อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 14 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของธุรกิจค้าปลีกในตลาดไทย หรือเทียบเท่ากับ P/E (ปี 2567) ที่ 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2564-2566 ที่ 27 เท่าอยู่เล็กน้อย และ PBV 2.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2564-2566 ที่ 2.9 เท่า ทั้งนี้ ให้ EV/EBITDA เป้าหมายสำหรับ OR สูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจการตลาดน้ำมัน เพื่อสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดของบริษัท
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของ OR ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจทำให้มีขาดทุนสต็อกมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การแทรกแซงของรัฐบาลในการกำหนดเพดานราคาขายปลีกน้ำมัน (โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล) การแข่งขันที่สูงขึ้น และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นซึ่งไม่สามารถส่งผ่านได้